ถังขยะธรรมชาติที่ทุกคนมี กับการออกกำลังกาย

หลายคนคิดว่าการออกกำลังกายด้วยการทำโยคะ ไม่เหมาะสำหรับคนอ้วน ใช่คุณคิดถูกแล้ว เพราะโยคะเป็นการบริหารร่างกายที่มีจุดประสงค์เพื่อช่วยฝึกการหายใจให้เกิดสมาธิ และเป็นการเสริมสร้างกล้ามเนื้อลาย (Muscle) ให้มีความแข็งแรง อย่างที่เราทราบกันดี กล้ามเนื้อคือมัดเนื้อเยื่อที่เป็นกันชนให้กับกระดูกเพื่อลดแรงปะทะมากมายที่อาจเกิดขึ้นในชีวิตหลายรูปแบบบนโลก

ดูเหมือนว่าโยคะอาจเหมาะสมกับคนผอมหุ่นดี “ตามที่เห็น” และบางคนคิดว่าคนที่ผอมแห้งแม้จะเรี่ยวแรงไม่ได้น้อยอย่าง Skinny พวกเขาเป็นมนุษย์ที่โชคดี เพราะกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน อันนี้คุณคิดผิด เพราะคนที่ผอมเพรียวหุ่นดีอยู่เสมอ แม้จะกินไม่เลือกแม้แต่หมูสามชั้นที่คนอ้วนจำเป็นต้องเข็ดขยาด คนหุ่นดีก็ไม่ได้รังเกียจรังงอนอะไร แล้วสิ่งที่พวกเขากินเข้าไปมันไปอยู่ที่ไหน? แน่นอนส่วนเกินจากอาหารที่ร่างกายไม่ต้องการจะเข้าไปอยู่ในกระแสเลือด

เคยสังเกตหรือไม่ คนหุ่นดีที่กินไม่เลือกจะชอบกินแต่ไขมัน

เคยสังเกตหรือไม่ว่าคนผอมที่มักกินไม่เลือก พวกเขาจะโปรดปรานไขมันเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นของทอด และไขมันจากสัตว์ แม้พวกเขาจะกินได้เสมอ แต่พวกเขามักเลี่ยงอาหารที่เต็มไปด้วยคาร์โบไฮเดรต เช่น ข้าว ขนมปัง แป้ง หรืออาหารอย่างอื่นที่ให้พลังงานสูง เพราะอะไร? เพราะพวกเขารู้ตัวเองว่าถ้ากินคาร์โบไฮเดรตเข้าไปมาก มันจะแน่นท้อง! ก่อนที่ของอร่อยอย่างอื่นไม่ทันได้ตักใส่ปาก แน่นอนธรรมชาติของความอยากสอนให้พวกเขาเป็นคนฉลาด แต่ธรรมชาติไม่ได้สร้างถังขยะให้พวกเขามากเท่าใดนัก

หลายคนอาจแปลกใจที่พบว่าคนผอมแห้ง แต่กลับเป็นโรคบกพร่องในการเผาผลาญไขมัน มันเป็นไปได้ยังไง? คนกลุ่มนี้ธรรมชาติไม่ได้สร้างถังขยะให้พวกเขา ยีนส์พันธุกรรมสร้างเพียงกล่องใส่ตุ้มหู สำหรับเก็บไขมันที่ร่างกายไม่ต้องการ “แค่เนี๊ย!” ดังนั้น ถ้าคนผอมกลุ่มนี้เลือกกินแต่ไขมัน พวกเขาอาจจะมีอายุสั้นกว่าที่ควรจะเป็น แต่สำหรับคนหุ่นดีที่มีถังขยะขนาดแค่เขื่อง ๆ อาจจะมีปัญหาไขมันในเลือดสูงเมื่ออายุเข้าวัย 50 ถ้าพวกเขาไม่เบิร์นไขมันออกเป็นประจำทุกวัน

ถังขยะของคนอยู่ที่ไหน

พุง ตูด สะโพก ต้นขา ต้นแขน คอ แก้ม ฯลฯ แน่นอนเกือบทุกส่วนที่อยู่ภายใต้การห่อหุ้มของผิวหนัง คือถังขยะที่มาจากยีนส์ตามธรรมชาติของบุพการี จึงทำให้คนที่อ้วนตุ้ยนุ้ยนั้นเต็มไปด้วยถังขยะรอบตัว เมื่อกินแป้งผสมกับไขมันเข้าไปมากเข้า ๆ ถังขยะก็จะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนสะกดได้คำว่า “อ้วน” และที่สำคัญไปกว่าอะไรทั้งหมด ไขมันเลว 1 ใน 4 ส่วน จะแฝงตัวเข้าไปในกระแสเลือดโดยพลัน และที่เหลืออีก 3 ส่วน จะตกตะกอนพักไว้ในถังขยะทั้งหลายที่รายล้อมรอบตัวพวกเขา รอเวลาป้อนไขมันเข้าไปในกระแสเลือดเท่าที่จะเป็นไปได้ จนเมื่อเลือดที่เต็มไปด้วยไขมัน ความหนืดข้นของมันจะตกตะกอนและเกาะตามผนังเส้นเลือด

แต่อย่างน้อยคนอ้วนก็มีความโชคดี ตรงที่มีถังขยะใบใหญ่ไว้พักไขมันเลว ถ้าคนอ้วนหยุดกินไขมันตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เสริมด้วยการออกกำลังกายที่เน้นการเบิร์นไขมัน ระบบเผาผลาญในร่างกายก็จะหยิบไขมันในถังขยะมาใช้อย่างสนุกและเหลือเฟือ จนท้ายที่สุดถังขยะจะหดลงและแทนที่ด้วยกล้ามเนื้อลาย

ออกกำลังกลายอย่างไรช่วยลดไซส์ถังขยะ

อย่างที่บอกตั้งแต่เริ่มแรก คนอ้วนนั้นไม่เหมาะสมกับการทำโยคะ เพราะการทำโยคะไม่ใช่วิธีการลดความอ้วนที่ไขมันในเส้นเลือดจะลดลงได้เร็ว แต่คนอ้วนที่ฝึกโยคะจะทำให้มีสมาธิและมีจิตใจจดจ่อกับการลดน้ำหนัก พวกเขาจะสามารถปฏิเสธอาหารที่ส่งเสริมความอ้วนได้ง่ายกว่า คนอ้วนที่ไม่ฝึกโยคะเลย

การออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคนน้ำหนักเกิน คือ การขยับเพื่อเขย่าไขมันในถังขยะอย่างต่อเนื่อง แต่ถามว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ต่อวันนั้น ตอบไม่ได้? เพราะไม่รู้ว่าคนอ้วนแต่ละคนกินอะไรเข้าไปเท่าไหร่ต่อวัน เช่นนั้นเมื่อกินอาหารทั้งวันเข้าไปเท่าไหร่ ก็จะต้องขยับเพื่อเบิร์นไขมันให้ไหลออกมาพร้อมเหงื่อมากเท่านั้น และถ้าคุณเป็นคนอ้วนอาจจะต้องขยับมากกว่าที่กินเข้าไปใหม่ต่อวัน เพราะแรงส่วนเกินที่ขยับออกไปจะช่วยเผาผลาญพลังงานสะสมของเมื่อวานออกมาด้วย ดังนั้น ยิ่งขยับเพื่อเบิร์นไขมันได้มากเท่าไหร่ ไขมันเลวที่สะสมอยู่ในถังขยะ ก็จะยิ่งลดน้อยลงมากเท่านั้น ถ้าเช่นนั้นก็อย่าปล่อยให้ไขมันซึมซับเข้าไปในเส้นเลือดอีกต่อไปเลย

อาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อ และแขนขาหักของคนเล่นโยคะจะเกิดขึ้นน้อยมาก

การออกกำลังกายโดยการเล่นโยคะ เป็นรูปแบบการขยับยืดและเกร็งกล้ามเนื้อทุกสัดส่วนของร่างกาย ทำให้กล้ามเนื้อลาย (Muscle) มีความแข็งแรง ยืดหยุ่นได้ดี และที่สำคัญกล้ามเนื้อที่แข็งแรงและยืดหยุ่นดี จะเป็นกันชนชั้นดีให้กับกระดูก ซึ่งเป็นรากฐานโครงสร้างของร่างกาย

กล้ามเนื้อกับไขมัน

ทุกส่วนในร่างกายของมนุษย์นั้นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ แม้แต่หัวใจอวัยวะที่สำคัญอันดันต้น ๆ ของคนเรา ก็ยังมีกล้ามเนื้อเรียบ สำหรับการบีบและคลาย เพื่อสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงระบบการทำงานของร่างกาย อย่างที่โบราณว่าเอาไว้ “จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว” ถ้าเจ้านายไม่ดี มักง่าย เอาแต่ใจตัวเอง บ่าวไพร่ก็พลอยเดือดร้อนไปด้วย สุขภาพไม่แข็งแรง เจ็บป่วยได้ง่าย มีเรื่องมีราวต้องให้เจ็บตัวเจ็บใจไม่เว้นแต่ละวัน

ดังนั้น ถ้าคุณกินอะไรตามใจลิ้น สิ่งที่รับเขาร่างกายจะมีแต่แป้ง น้ำตาล โซเดียม และไขมัน กล้ามเนื้อที่เปรียบเสมือนกันชนรอบคัน (รอบร่างกาย) จะแทนที่ด้วยไขมันเลว (Fat) อินซูรินที่ตับอ่อนหลั่งออกมาในปริมาณที่เหมาะสม จะไม่เพียงพอต่อการรักษาระดับน้ำตาลในเลือด โปรตีนจะหลุดรั่วออกมากับปัสสาวะ ไตจะเริ่มเสื่อม และยิ่งไปกว่าอะไรทั้งหมด คอเลสเตอรอลชนิดเลวจะนำพาไขมันเลว (ก็มันเกลอกัน) เข้าไปในเส้นเลือด นี่คือสาเหตุการตายของคนที่ตามใจลิ้น เพราะปล่อยให้ความอยากเป็นนายจิตใจ จึงเกิดเป็นความบกพร่องในการยับยั้งชั่งใจ

ไขมันมีประโยชน์ต่อร่างกายเพียงน้อยนิด แต่ไม่มีประโยชน์อะไรเลยหากเทียบกับการป้องกันการบาดเจ็บที่เกิดจากแรงกระแทก

คนที่เล่นโยคะกับคนที่ไม่เล่นโยคะ วิ่งแข่งกัน

ถ้าจับเอาคนที่เล่นโยคะวิ่งแข่ง 400 เมตร กับคนที่ไม่เล่นโยคะ และปรากฏว่าทั้งสองคนพลาดท่าหกล้มระหว่างทาง คุณคิดว่าใครจะบาดเจ็บมากกว่ากัน แน่นอนคนที่เล่นโยคะจะมีกล้ามเนื้อที่แข็งแรงกว่า และยืดหยุ่นซับแรงกระแทกได้ดีกว่า นักวิ่งหรือคนที่ออกกำลังกายอย่างอื่นเป็นประจำ สำหรับนักวิ่งที่วิ่งออกกำลังกายและทำลายสถิติตัวเองอยู่เป็นประจำ หากอุบัติเหตุเกิดขึ้นที่ขา พวกเขาอาจจะไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก เพราะกล้ามเนื้อขายืดหดสร้างเสริมความแข็งแรงอยู่เป็นประจำ แต่แรงกระแทกในขณะหกล้มที่เกิดขึ้นกับแขน ข้อเหวี่ยงต่าง ๆ หรือทุกสัดส่วนช่วงลำตัว อาจไม่มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ซึ่งช่วยลดแรงกระแทก ดังนั้น อาการบาดเจ็บของคนที่ไม่เล่นโยคะ มักจะสาหัสกว่าและฟื้นตัวได้ช้ากว่า

แต่ถ้าจับคนอ้วนที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย เต็มที่ก็แค่ออกกำลังกายนิ้วและข้อมือบนหน้าจอสมาร์ทโฟน มาวิ่งแข่งกับคนที่ออกกำลังกายเป็นประจำ เมื่ออุบัติเหตุเกิดขึ้น กล้ามเนื้อที่คอยซับแรงกระแทกไม่มี มีแต่ไขมันเลวที่จับตัวกันเป็นก้อนอยู่รอบตัวถัง และแทรกตัวอยู่ในทุกสัดส่วนของร่างกาย กล้ามเนื้อพวกเขาจะฉีกเสียหายได้ง่าย พอ ๆ กับกระดูกที่มีขนาดเล็กกว่าก้อนไขมัน แน่นอนมันจะหักในทันที และอาจจะหักหลายท่อนด้วย

ผู้ป่วยหรือผู้ที่จำเป็นจะต้องได้รับการผ่าตัด เช่น การผ่าตัดไส้ติ่ง การผ่าตัดทำหมันเปียกของผู้หญิง หรือการผ่าตัดเพื่อเอานิ่วออกจากไตหรือทางเดินปัสสาวะ ถ้าผู้ป่วยที่จะเข้าผ่าตัดหน้าท้องใหญ่ แพทย์และพยาบาล Assistant จะขมวดคิ้วเพราะวิตกกังวลล่วงหน้า “เคสนี้ยากแน่ ๆ” เพราะหน้าท้องใหญ่นั่นหมายถึงก้อนไขมันที่เป็นอุปสรรคในการทำหัตถการ กว่าจะควานหาไส้ติ่งเจอ กว่าจะตามหาปีกมดลูกเจอ (ถ้าไม่ใช่แพทย์หรือพยาบาลที่ประสบการณ์สูง จะหาข้อแตกต่างระหว่างสิ่งที่คีบได้ขึ้นมากับท่อนำไข่ยากมาก) เช่นนั้นลองคิดดูว่าถ้าก้อนไขมันเลว บดบัง เกะกะ ประกอบกับเลือดที่มันวาวระยิบระยับลื่นไหลซับได้ยาก มันจะเป็นอุปสรรคต่อการผ่าตัดมากมายขนาดไหน

การเล่นโยคะเป็นประจำ ถือเป็นการใช้ชีวิตโดยไม่ประมาท เพราะคุณไม่รู้ว่าอุบัติเหตุจะเกิดขึ้นกับตัวเองตอนไหน อย่างไร และรุนแรงขนาดไหน กล้ามเนื้อที่แข็งแรง ยืดหยุ่นได้ดี ถือเป็นเครื่องป้องกันการบาดเจ็บได้ดีกว่าอะไรทั้งหมด ถ้าใครยังหาประโยชน์จากการออกกำลังกายเบา ๆ อย่างโยคะไม่ได้ ทั้งหมดนี้ คือ เหตุผลที่จะทำให้คุณเริ่มหาซื้อเสื่อนุ่ม ๆ สีสวย ๆ เพื่อสร้างสิ่งเร้าให้ตัวเองสนใจในโยคะ      

การทำสมาธิช่วยบำบัดและบรรเทาอาการโรคซึมเศร้า

แน่นอนว่าถ้าคุณไม่คิดจะสนใจเรื่องอะไร ถ้าเรื่องราวที่ไม่น่าใส่ใจผ่านหูผ่านตาอยู่เป็นประจำ คนเราจะรู้สึกถึงความเบื่อหน่าย และตามด้วยความรำคาญ จนกลายเป็นความรู้สึกที่มีอคติ เช่น ถ้าคนปกติที่ปฏิเสธโยะคะ อาจเป็นเรื่องธรรมดาทั่วไป “ก็แค่เรื่องหนึ่งที่ฉันไม่สนใจ” แต่คนที่เป็นโรคซึมเศร้าโดยไม่รู้ตัว และไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง ท้ายที่สุดชีวิตของพวกเขาอาจจบลงที่เตาถ่าน 1 ตัว ถ่านไม้ 1 ถุง และไม้ขีดไฟหนึ่งกล่อง อยากทราบว่าตัวเองมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคซึมเศร้า หรือเป็นโรคซึมเศร้าโดยไม่รู้ตัวหรือไม่ คลิกที่ลิงก์นี้ https://med.mahidol.ac.th/th/depression_risk

ถ้ามีความเสี่ยงสูงหรือรู้ว่ากำลังเป็นโรคซึมเศร้าจงรีบหาทางรักษา

ก่อนอื่นคุณจะต้องยอมรับให้ได้ว่าตัวเองเป็น หรือยอมรับว่าตัวเองมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็น “โรคซึมเศร้า” ถ้าคุณยอมรับกับโรคและความเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ได้ นั่นก็แปลว่าคุณเตรียมพร้อมที่จะตาย และเมื่อใดที่ภาวะแห่งโรคซึมเศร้ารุนแรงขึ้น สิ่งที่คุณไม่คาดฝันจะเกิดขึ้นกับชีวิตคุณ ด้วยน้ำมือของคุณ และไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีกต่อไป

วิทยาการทางการแพทย์มีแนวคิดไปในทางเดียวกันว่า การทำสมาธิคือยารักษาโรคซึมเศร้าที่ดีที่สุด เพราะยาแผนปัจจุบันที่ช่วยบรรเทาอาการโรคซึ่งใช้กันอยู่ 3 กลุ่ม คือ Tricyclic, MAOI และ SSRI มีผลข้างเคียง ถ้าผู้ป่วยทนผลข้างเคียงของยาได้ในช่วงแรกของการเริ่มกินยา อาการโรคซึมเศร้าก็จะทุเลาเบาบางลง แต่ถ้าพวกเขาไม่สามารถอดทนกินยาต่อไปได้ เช่น ปัสสาวะลำบาก ท้องผูก มีปัญหาในกิจกรรมทางเพศ ตาพร่ามัว ปวดศีรษะ คลื่นไส้ตลอดเวลา บางคนง่วงนอนเสมอ หรือบางคนอาจนอนไม่หลับเพราะจิตใจว้าวุ่นกระวนกระวาย การรักษาด้วยยาจะไม่สามารถบรรเทาอาการเจ็บป่วยของโรคนี้ได้

ดังนั้น การฝึกสมาธิด้วยการกำหนดลมหายใจเข้าออก เป็นการช่วยให้ตัวเองมีสติรู้ตัวอยู่เสมอ มีหลายคนที่ปรับวิถีชีวิตของตัวเองใหม่ นอกจากจะนั่งสมาธิฝึกจิตใจเป็นประจำแล้ว พวกเขายังทักสติของตัวเองอยู่ตลอดเวลา ทำอย่างไร? การทักสติตัวเอง คือ การพูดกับตัวเองในใจว่ากำลังทำอะไร ถ้ากำลังกินข้าวก็บอกกับตัวเองว่ากินข้าว กำลังเดินก็บอกตัวเองว่ากำลังเดิน กำลังอ่านหนังสือก็บอกตัวเองว่ากำลังอ่านหนังสือ วิธีนี้จะช่วยให้พวกเขามีสติรู้ตัวอยู้เสมอว่ากำลังทำอะไร เช่นนั้นการที่จิตใต้สำนึกจะถูกดูดเข้าไปในวังวนการออกฤทธิ์ของโรคซึมเศร้า จึงแทบจะเป็นไปไม่ได้

โยคะช่วยบรรเทาอาการโรคซึมเศร้าได้

การทำโยคะนอกจากจะช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงและมีความยืดหยุ่นดีแล้ว ยังช่วยให้มีสมาธิอย่างเฉพาะเจาะจงอีกด้วย เช่น ถ้าคุณกำลังยืดขา สมาธิของคุณจะอยู่ในจุดที่รู้สึกตึงเจ็บที่สุด ไม่ว่าคุณจะยืดส่วนไหนของร่างกาย สมาธิของคุณจะจดจ่ออยู่ที่ส่วนนั้น และการเกร็งกล้ามเนื้ออย่างมีสมาธิ จะทำให้สมองผลิตกรด GABA (Gamma aminobutyric acid) ออกมา ซึ่งสารเคมีตามธรรมชาติของมนุษย์นี้ มีบทบาทสำคัญในการเป็นสื่อกระแสประสาท ในระบบประสาทส่วนกลาง ออกฤทธิ์สร้างความสมดุลในสมอง เมื่อของเหลวทุกอย่างในสมองเกิดความสมดุลกัน สมองจะเกิดความผ่อนคลาย โล่ง และปราศจากความวิตกกังวล อีกทั้งการยืดเกร็งทุกส่วนของร่างกายอย่างมีสมาธิ ยังช่วยให้ระบบร่างกายปล่อยสารไซโตไคน์ที่ช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดได้อีกด้วย นอกจากการทำโยคะช่วยให้บรรเทาอาการโรคซึมได้แล้ว ยังช่วยเสริมสร้างระบบการทำงานอื่น ๆ ได้อย่างน่าอัศจรรย์ เช่น

  1. ลดความดันโลหิตเพราะการยืดอย่างมีสมาธิจะช่วยชะลออัตราการเต้นของหัวใจ
  2. ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น และมีเวลาพักผ่อนมากขึ้น
  3. นอนหลับได้สนิท
  4. ปรับปรุงท่าทางในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการนั่งมากเกินไป

ฟิตแอนด์เฟิร์มได้ง่าย ๆ กับโยคะที่บ้าน

โยคะ เป็นอีกหนึ่งเทรนด์ที่มาแรงสำหรับเหล่าคนรักสุขภาพ เพราะเน้นเรื่องการทำสมาธิด้วย แถมยังทำให้สุขภาพดี ระบบไหลเวียน ระบบหายใจ ระบบย่อยดี และอีกหลายหลากข้อดีที่จะทำให้คุณแทบไม่ต้องคิดเวลาจะเล่นโยคะ แต่ประเด็นคือ โยคะเป็นการออกกำลังกายที่อาศัยการบิด ขยับ ของร่างกาย ถ้าหากเล่นโยคะเองโดยสุ่มสี่สุ่มห้าก็เสี่ยงที่จะมีโอกาสบาดเจ็บได้

โยคะมาจากไหน

โยคะเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งจากอินเดีย ซึ่งมีมาเนิ่นนานกว่าหลายพันปีมาแล้ว เป็นศาสตร์ที่ถูกคิดค้นด้วยพราหมณ์ และเหล่าโยคีทั้งหลาย เพื่อสุขภาพกายและจิตโดยเฉพาะ เพราะโยคะเน้นเรื่องการทำสมาธิ จิตใจจดจ่อเพื่อบรรลุเป้าหมายบางอย่าง ทำให้สุขภาพจิตดี บวกกับการขยับตัว และการผ่อนลมหายใจเข้าออกที่ถูกต้อง ก็พาลให้ร่างกายแข็งแรงไปด้วย

จนในปัจจุบัน โยคะถูกยกย่องให้เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของอินเดียจากองค์การการศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก้) อีกทั้งยังมีวันเป็นของตัวเอง คือวันที่ 21 มิถุนายนของทุกปี ซึ่งเป็นวันครีษมายัน ที่จะมีกลางวันยาวนานที่สุด ถือว่าเป็นฤกษ์ดี ให้เป็นวันโยคะสากล โดยได้รับการรับรองจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) อีกด้วย และหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบการเล่นพนันหรือเสพข่าวสารบนเว็บ VWIN เป็นประจำ แล้วมีอาการปวดเมื่อย ลองค้นหาช่องโยคะที่สอนฟรี ๆ เหล่านี้ มาแก้อาการดูได้เลย

รวบรวมช่องสอนโยคะ ดูดีมีประโยชน์

– Yoga with Jib ช่องสอนโยคะที่มีครูจิ๊บสาวสวยมาคอยให้ความรู้ที่ถูกต้อง แบ่งปันท่าง่าย ๆ ด้วยน้ำเสียงหวานสดใส ฟังชัดเข้าใจง่าย ดูแล้วทำตามได้ ไม่ยากจนเกินไป แถมยังมีเกร็ดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับการฝึกโยคะที่เป็นประโยชน์ เรียกได้ว่าใครที่กำลังเริ่มฝึกโยคะ ช่องนี้เป็นตัวเลือกแรก ๆ ที่คุณควรจะลองดู

                ลิงก์ช่อง : https://www.youtube.com/channel/UCNIuhjYPXH76jai92TRpsJQ

– Ki Art Yoga – online yoga & life style studio อีกหนึ่งช่องคุณภาพอัดแน่นที่ไม่ควรพลาด เพราะนอกจากจะมีคลิปสอนโยคะง่าย ๆ เน้นผลลัพธ์เฉพาะด้าน หรือสำหรับผู้มีเวลาน้อยแล้ว ยังสอดแทรกวิธีดูแลสุขภาพด้านต่าง ๆ อีกครบถ้วน เปิดฟังไว้เพลิน ๆ ระหว่างทำงานเพื่อเอาความรู้ด้านสุขภาพก็ไม่เลว

ลิงก์ช่อง : https://www.youtube.com/channel/UCk_yMQ7VAsD9310Egm1o7DQ

– Pordipor Yoga พอดีพอ เป็นช่องที่สอนการออกกำลังกายโดยการเล่นโยคะได้น่าฟังและเป็นมิตรมาก เพราะครูกวางใส่ใจทุกรายละเอียดของการสอน อีกทั้งแต่ละคลิปก็เข้าใจง่าย ทำตามได้ไม่ยาก ยิ่งใครที่กำลังอยากหาวิธีลดหุ่นด้วยโยคะอยู่ล่ะก็ แนะนำช่องนี้เป็นพิเศษเลย

                ลิงก์ช่อง : https://www.youtube.com/channel/UCfXhO2Y3s-NyPj49kLytGQA

โยคะไม่ใช่แค่การออกกำลังกายเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นวิธีออกกำลังใจชั้นยอด ขุดลึกไปถึงจิตวิญญาณ ที่ถ้าหวังแค่เรื่องสุขภาพ คุณจะได้รับผลพวงอื่น ๆ เพิ่มมาด้วยเป็นโบนัสพิเศษ สมาธิที่เพิ่มพูนจะยิ่งช่วยให้คุณโฟกัสกับการออกกำลังกายมากยิ่งขึ้น เป็นศาสตร์ที่มีประวัติยาวนานก็จริง แต่เมื่อถูกนำมาปัดฝุ่นใหม่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเป็นวิธีออกกำลังกายชั้นยอด สมแล้วที่เขาฮิตกันจริง ๆ อีกทั้งมีหลายระดับ เป็นมิตรกับทุกคน ถ้าจะเริ่มแบบท่าง่าย ๆ ชนิดที่ว่าเป็นเบื้องต้นพื้นฐานก็ไม่ผิดแปลกอะไร หรือจะท้าทายตัวเอง เลือกเล่นท่ายาก ๆ โหด ๆ ก็มีดีไปอีกแบบ ทั้งนี้ต้องตั้งอยู่บนความชำนาญส่วนบุคคลและคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลักด้วย

นอนไม่หลับอยู่ใช่ไหม โยคะช่วยได้!

เชื่อว่าหลายคนคงจะเคยมีประสบการณ์เผชิญกับปัญหาหลับยาก หรืออาการนอนไม่หลับอย่างน้อยสักครั้งในชีวิต การนอนไม่หลับฟังดูเหมือนไม่ใช่ปัญหาใหญ่โต แต่เจ้าปัญหาไม่ใหญ่ที่ว่านี้กลับทำให้เกิดความรู้สึกทรมานจิตใจและยังส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของคนเราอย่างมาก แต่ข่าวดีคือปัญหาดังกล่าวสามารถรักษาได้ไม่ยากนัก โดยโยคะก็เป็นหนึ่งในวิธีการที่ถูกนำมาใช้บำบัดอาการนอนไม่หลับอย่างได้ผลและเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย

การฝึกโยคะเพื่อรักษาความผิดปกติด้านการนอน

ความผิดปกติด้านการนอน (Sleep disorder) เป็นอีกหนึ่งปัญหาสำคัญในสังคมอย่างไม่น่าเชื่อ โดยพบว่าร้อยละ 30 ของประชากรมีปัญหาการนอนหลับได้ยาก เนื่องจากความเครียด ความฟุ้งซ่าน การทำงานหรือพักผ่อนอย่างไม่เป็นเวลา และการขาดการออกกำลังกายที่เหมาะสม  มีส่วนน้อยมากที่ปัญหาดังกล่าวจะเกิดจากความผิดปกติของสมองและเส้นประสาทโดยตรง  และหากความผิดปกติด้านการนอนดังกล่าวถูกปล่อยทิ้งเรื้อรังยาวนานเกินกว่า 3 สัปดาห์โดยไม่ได้รับการบำบัดแก้ไข ผู้ป่วยจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มของผู้มีความผิดปกติด้านการนอนแบบเรื้อรัง ซึ่งจะเริ่มส่งผลกับระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำให้เกิดโรคอื่นตามมาก ในบางกรณีแพทย์อาจจำเป็นต้องพิจารณาใช้ยานอนหลับเพื่อช่วยรักษาร่วมด้วย

งานวิจัยหนึ่งในประเทศอินเดีย นักวิจัยได้ทดลองให้ผู้มีความผิดปกติด้านนอนแบบเรื้อรังเข้ารับการรักษาในโปรแกรม 10 สัปดาห์ของการฝึกโยคะพร้อมจดบันทึกติดตามการนอนหลับของผู้มีปัญหาความผิดปกติด้านการนอนอย่างต่อเนื่องทุกวัน พบว่าผู้ป่วยดังกล่าวมีพัฒนาการของประสิทธิภาพการนอน (sleep efficiency) เวลาที่ใช้ในการนอนหลับ (total sleep time) จำนวนครั้งที่ตื่นขึ้นระหว่างนอน (total wake time) และระยะเวลาเข้าสู่ภาวะหลับ (sleep onset latency) ดีขึ้นมาก ซึ่งวัดผลออกมาเป็นตัวเลขได้ชัดเจน  และสำหรับบุคคลทั่วไปที่ทำการฝึกฝนโยคะสม่ำเสมอพบว่ามีคุณภาพการนอนหลับดีกว่าปกติ โดยมีช่วงคลื่นสมองของการหลับลึกยาวนานกว่าคนทั่วไป

การนอนที่มีประสิทธิภาพ สร้างชีวิตที่มีประสิทธิผล

บ่อยครั้งที่เรามักจะได้ยินผู้คนพูดว่า “การนอนหลับเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด” ทั้งนี้เนื่องจากการนอนที่มีคุณภาพเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้สมองได้รับการพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูสมรรถภาพหลังจากถูกใช้งานมาทั้งวันได้อย่างเต็มที่ การนอนหลับพักผ่อนอย่างมีประสิทธิภาพจึงส่งผลให้สมองได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ จะคิดอ่านการใดก็ไม่ติดขัด ส่งผลดีต่อทั้งหน้าที่การใช้ความคิดและความสามารถในการจดจำในชีวิตประจำวันของเรา การนอนที่ดีจึงสร้างชีวิตที่ดีตามมานั่นเอง

หากวันนี้คุณเป็นหนึ่งในผู้มีปัญหาการนอน ไม่ว่าจะเป็นการการนอนหลับยาก ไม่สามารถนอนหลับต่อเนื่องได้เป็นเวลานาน หลับได้ไม่สนิท หลับไม่ลึก หรือแม้แต่การนอนหลับได้แต่รู้สึกไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย วันนี้อาจถึงเวลาแล้วที่คุณจะเริ่มให้ความสนใจกับโยคะ หนึ่งในการออกกำลังกายที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าสามารถช่วยบำบัดปัญหาการนอนอย่างได้ผล

SUP Yoga สนุกกับการเล่นโยคะท่ามกลางธรรมชาติและสายน้ำ

โยคะ ถือเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยฝึกฝนทั้งร่ายกายและจิตใจ ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ เน้นเพิ่มความยืดหยุ่นและความแข็งแรงให้กับร่างกาย อีกทั้งยังสอดคล้องกับจังหวะลมหายใจ ทำให้ผู้เล่นเกิดความผ่อนคลายและมีสมาธิ โยคะจึงเป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย แต่โดยปกติแล้วภาพจำของโยคะมักเป็นการเล่นบนเสื่อ ทำให้ถูกมองข้ามจากนักออกกำลังกายสายสปอร์ตอยู่เสมอ ทั้งที่จริงแล้วโยคะมีรูปแบบการเล่นที่หลากหลายทั้งในร่มและกลางแจ้ง โดยเฉพาะ “SUP Yoga” ที่เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการออกกำลังกายกลางแจ้งเป็นอย่างยิ่ง

                SUP Yoga เป็นการเล่นโยคะกลางแจ้งโดยใช้บอร์ด SUP (Stand-Up Paddleboard) หรือเรียกสั้น ๆ ว่าแพดเดิ้ลบอร์ด ซึ่งมีต้นกำเนิดที่ฮาวาย เล่นด้วยการยืนบนบอร์ดพายไปตามแม่น้ำหรือทะเลสาบ ดังนั้น SUP Yoga จึงถือเป็นการเล่นโยคะขณะลอยอยู่กลางน้ำ และใช้แพดเดิ้ลบอร์ดแทนเสื่อ ทำให้ผู้เล่นต้องใช้การทรงตัวบนบอร์ดไปพร้อมกับการชื่นชมธรรมชาติรอบตัว อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของการเล่นโยคะชนิดนี้ โดยแพดเดิ้ลบอร์ดนั้นมีทั้งแบบเป่าลมและแบบพลาสติกแข็ง ขนาดตั้งแต่ 33 นิ้ว ไปจนถึง 55 นิ้ว ผู้เริ่มต้นจึงสามารถเริ่มเล่นได้อย่างง่ายดาย และผู้เล่นที่ว่ายน้ำไม่เป็น สามารถเลือกสวมเสื้อชูชีพเพื่อความปลอดภัยได้

                ท่าโยคะที่เหมาะสมสำหรับใช้เล่นบนแพดเดิ้ลบอร์ดนั้นคือท่าโยคะเบื้องต้น ได้แก่ ท่าโต๊ะ ช่วยเพิ่มสมดุลและวอร์มอัพร่างกาย, ท่าเก้าอี้ ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ช่วงขาและลำตัว, ท่าผีเสื้อ ช่วยเปิดสะโพกและโคนขาด้านใน, ท่าสุนัขก้มหน้า ช่วยยืดกระดูกสันหลังให้ตรง, ท่านักรบ ช่วยการทรงตัวที่มั่นคง, ท่าเรือ ช่วยให้หน้าท้องและลำตัวแข็งแรง, ท่าพระจันทร์เสี้ยว ที่ช่วยยืดสะโพกและกล้ามเนื้อต้นขา, ท่าสนเข็ม ช่วยยืดไหล่และกระดูกสันหลัง, ท่ามาลาอาสนะ ช่วยยืดเส้นบริเวณหลังและสะโพก และท่าศพอาสนะ ที่ช่วยให้ผ่อนคลายกลางสายน้ำ

                แม้จะใช้ท่าโยคะที่เหมือนกัน แต่ VWIN ยืนยันได้เลยว่าการเล่นโยคะบนแพดเดิ้ลบอร์ด ต้องใช้แรงจากส่วนต่าง ๆ ของร่างกายต่างจากการเล่นโยคะบนเสื่ออย่างมากทีเดียว เนื่องจากการยืนบนแพดเดิ้ลบอร์ดที่ลอยอยู่กลางน้ำให้มั่นคงนั้น จำเป็นต้องดึงแรงจากกล้ามเนื้อลำตัวมาใช้มากกว่าปกติ และยังต้องยืนให้ตัวตรงตลอดเวลา ทำให้หัวเข่าไม่ผิดรูป ลดอาการผิดปกติบริเวณสะโพก แถมท่าโยคะหลายท่าจะช่วยให้กล้ามเนื้อส่วนที่หลบซ้อนภายในร่างกายได้ถูกนำใช้งาน นอกจากนั้นการเล่นโยคะกลางแจ้งยังทำให้ร่างกายได้รับรังสีและวิตามินจากธรรมชาติตามที่ร่างกายต้องการ

การเล่น SUP Yoga ไม่เพียงจะช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงจากการออกกำลังกายทุกส่วนของร่างกาย จิตใจเบิกบานจากการสัมผัสกับธรรมชาติ ยังถือเป็นการท้าทายตัวเองในการเล่นโยคะบนแพดเดิ้ลบอร์ดท่ามกลางสายน้ำ ยิ่งหากเล่นร่วมกับเพื่อนเป็นหมู่คณะ นอกจากจะได้ออกกำลังกายแล้ว ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีกับคนรอบข้างอีกด้วย

โยคะกับการเล่นนอกสถานที่ ช่วยสร้างสิ่งดี ๆ ให้กับร่างกายได้อย่างมากมายและลงตัว

ใคร ๆ ก็คงรู้กันอยู่แล้วว่าการเล่นโยคะนอกจากจะช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพแข็งแรงขึ้นแล้ว การเล่นโยคะยังสามารถช่วยในเรื่องการผ่อนคลายได้มากกว่าหากเทียบกับการออกกำลังกายชนิดอื่นๆ  ทั้งการเล่นโยคะยังช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกายได้ด้วย เนื่องจากจะเน้นการเล่นด้วยท่วงท่าที่มีการยืดเหยียดอยู่ตลอดเวลา ทั้งยังเป็นการออกกำลังกายที่ใช้ร่างกายทุกส่วนได้อย่างลงตัวอีกด้วย

การเล่นโยคะกับสถานที่แตกต่างกันไปย่อมสร้างสิ่งแปลกใหม่ให้กับร่างกายและจิตใจได้อย่างลงตัว

          การเล่นโยคะนับว่าเป็นการออกกำลังกายที่สามารถได้ง่าย และทำได้ทุกที่ หากคุณไม่สะดวกเดินทางไปสวนสาธารณะหรือฟิตเนสเพื่อออกกำลังกายแล้วล่ะก็ คุณก็ยังสามารถเล่นโยคะได้ด้วยตนเองที่บ้าน เพียงแค่มีเสื่อโยคะก็สามารถเริ่มเล่นที่ไหน เวลาใดก็ได้ตามที่คุณสะดวก ซึ่งการเล่นโยคะต่างสถานที่แตกต่างกันไป ก็ย่อมสร้างบรรยากาศที่แปลกใหม่ให้กับร่างกายได้ด้วย

มาดูประโยชน์ที่ได้จากการเล่นโยคะตามสถานที่ต่าง ๆ กัน

          -ได้เปลี่ยนบรรยากาศนอกสถานที่แบบเดิม ๆ เช่น ออกไปเล่นโยคะเมื่อคุณเดินทางท่องเที่ยวแต่ก็ยังคงไม่ทิ้งการออกกำลังกายด้วยท่วงท่าที่ง่าย ๆ จากการเล่นโยคะ จะเห็นได้บ่อยขึ้นที่มีผู้คนเล่นโยคะในยามเช้าที่ริมทะเล หรือที่พักที่มีอากาศบริสุทธิ์พร้อมสถานที่สวย ๆ ในยามเช้า การเล่นนอกสถานที่เช่นนี้ทำให้ร่างกายได้ผ่อนคลายจากการเล่นโยคะและความผ่อนคลายในการชื่นชมและรับรู้ความรู้สึกการเล่นโยคะกับที่ใหม่ ๆ แม้ในความเป็นจริงจะเป็นการเล่นโยคะด้วยท่าเดิม กับคนเดิม ๆ ก็ตาม แต่ความรู้สึกที่สัมผัสได้จากการเปลี่ยนบรรยากาศจะช่วยทำให้คุณรู้สึกถึงความแปลกใหม่นั่นเอง

          -ได้สูดโอโซนอากาศบริสุทธิ์มากขึ้น หากคุณปูเสื้อโยคะสักผืนและเล่นบริเวณริมชายหาดที่มีอากาศบริสุทธิ์ในยามเช้า หรือบนภูเขาซึ่งมีที่พักสวย ๆ เหมาะกับการไปตากอากาศแล้ว นั่นช่วยทำให้คุณได้สูดอากาศที่บริสุทธิ์กว่าการที่ต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ในเมือง ซึ่งการสูดอากาศดี ๆ เข้าสู่ร่างกายนั้น ช่วยทำให้ร่างกายรับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายและขับคาร์บอนไดออกไซด์ที่อยู่ในร่างกายให้ออกมาอย่างเป็นระบบมากยิ่งขึ้น ถือว่าเป็นการฟอกปอดด้วยวิธีการใช้ธรรมชาติบำบัดได้ทางหนึ่งเลยทีเดียว

          -ได้ไอเดียหรือความคิดในการเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ ๆ เพราะการออกกำลังกายขณะเล่นโยคะนอกสถานที่ จะทำให้คุณมีสมาธิในการเล่น และยังได้เห็นสิ่งแปลกใหม่ในแต่ละสถานที่ไปพร้อม ๆ กัน จึงทำให้หลายคนเกิดไอเดียหรือความคิดในการอยากเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ ๆ ได้จากการเล่นโยคะนอกสถานที่นี้ เสมือนเป็นการได้ชาร์จแบตให้กับร่างกายและสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายไปพร้อม ๆ กัน

          การเล่นโยคะนอกสถานที่นอกจากฟิตเนสหรือสถานที่เดิม จึงสามารถสร้างความแปลกใหม่ทางความรู้สึก และความรับรู้สิ่งแปลกใหม่ให้กับอารมณ์ได้มากกว่านั่นเอง ซึ่งหากใครสะดวกแบบไหนก็ลองเลือกไปตามสถานที่ที่ตัวเองต้องการกันได้เลย

โยคะเบียร์ ศาสตร์ประยุกต์ของการออกกำลังกาย เอาใจนักดื่มสายปาร์ตี้รักสุขภาพ

สำหรับนักดื่มทั้งหลาย วันนี้เรามีวิธีการออกกำลังกายแบบใหม่มาแนะนำ ที่จะทำให้คุณมีสุขภาพดีไปพร้อม ๆ กับการดื่ม โดยเฉพาะนักดื่มคอเบียร์ รับรองว่าคุณจะต้องหันมารักสุขภาพ อยากออกกำลังกายอย่างแน่นอน ซึ่งการออกกำลังกายแบบใหม่ที่จะมาแนะนำวันนี้ เป็นเรื่องของโยคะกับการดื่มเบียร์ สองสิ่งนี้เกี่ยวข้องกันอย่างไร ไปหาคำตอบกันได้เลย

ดื่มไป เล่นไป แค่นี้ก็เบิร์นไขมันได้

“โยคะเบียร์” หลายคนอาจสงสัย และยังคงงง ๆ ว่าเบียร์กับโยคะมาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร สำหรับวันนี้เรามีคำตอบมาบอก เป็นที่ทราบกันดีว่าโยคะเป็นศาสตร์แห่งการออกกำลังกายแบบบำบัด เป็นการฝึกกำหนดลมหายใจ ผ่านการคลื่อนไหวของร่างกาย เพื่อให้เกิดสติ และสมาธิ ส่วนเบียร์จัดได้ว่าเป็นเครื่องดื่มประเภทของมึนเมา ที่อาจทำให้ขาดสติได้ชั่วคราว แต่ก็มีประโยชน์ทางอ้อมอยู่เหมือนกัน คือสามารถป้องกันโรคหัวใจ ทำให้ระบบสูบฉีดเลือดไหลเวียนดี และยังบำบัดความเครียดได้อีกเช่นกัน เพราะเชื่อว่าดื่มเบียร์แล้วจะทำให้อารมณ์ดี สุนทรีย์ไปกับการดื่มเบียร์

“โยคะเบียร์” เป็นการเล่นโยคะแบบใหม่ ที่ทำให้จิตใจสงบลงเมื่อได้ดื่มเบียร์ หรืออาจเป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดอื่น ๆ เช่น ไวน์ โยคะเบียร์ถือเป็นการเล่นโยคะแบบประยุกต์ ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมและมาแรงไม่แพ้โยคะประเภทอื่น สำหรับสายโยคะ หรือสายดื่มตัวยงไม่ควรพลาดที่จะลองเล่นโยคะเบียร์เป็นอันขาด

สายเฮลตี้ หรือสายปาร์ตี้ ไม่ว่าจะสายไหนก็เล่นโยคะได้

                การเล่นโยคะเบียร์ กำลังเป็นที่สนใจของคนชอบออกกำลังกายจำนวนมาก เริ่มมีคลาสเปิดสอนในหลาย ๆ ประเทศ รวมถึงประเทศไทยที่เริ่มมีได้ไม่นาน สำหรับวิธีการเล่นโยคะเบียร์นั้นไม่ยาก เพียงแค่คุณมีพื้นฐานการเล่นท่าโยคะต่าง ๆ มาบ้างแล้ว พร้อมกับอุปกรณ์ประกอบการเล่นชิ้นสำคัญที่ขาดไม่ได้นั้นก็คือเบียร์ เริ่มการเล่นโยคะเบียร์ โดยผู้เล่นออกท่าทางการเล่นโยคะท่าต่าง ๆ ไปพร้อมกับใช้เบียร์เป็นส่วนประกอบสำคัญในการเล่นท่าโยคะ เช่น ช่วยในการทรงตัว หรือการเพ่งสมาธิ และในระหว่างที่ออกลวดลายเล่นท่าโยคะต่าง ๆ ผู้เล่นสามารถจิบเบียร์ไปพลาง ๆ ได้ แต่ขอแนะนำว่าไม่ควรจิบเยอะจนเมา เอาแค่พอกึ่ม ๆ ให้มีสติไปกับการฝึกสมาธิ และจิตใจเข้าถึงความสงบไปพร้อม ๆ กับการจิบเบียร์

ข้อดีของการเล่นโยคะเบียร์ คือทำให้ผู้เล่นมีสติ สมาธิ มากขึ้น กล้ามเนื้อแข็งแรง ได้ยืดเส้นยืดสายเล่นท่าโยคะ อีกทั้งสุขภาพดี พักผ่อนหลับสบาย รู้สึกผ่อนคลาย อารมณ์ดี จากการได้จิบเบียร์ และสนุกสนานไปกับปาร์ตี้ดื่มเบียร์พร้อมกับเพื่อน ๆ ร่วมคลาส เปลี่ยนบรรยากาศการออกกำลังกายที่น่าเบื่อ ให้น่าสนใจมากขึ้น ถือได้ว่าโยคะเบียร์เป็นการประยุกต์วิธีการออกกำลังกายเพื่อเอาใจสายดื่ม สายปาตี้ ให้หันมารักสุขภาพโดยเฉพาะ หากคุณเป็นนักดื่มสายเฮลตี้ไม่ควรพลาดปาตี้ “โยคะเบียร์”

โยคะบำบัด ศาสตร์แห่งการบำบัดทุกข์ ศาสตร์แห่งการบำรุงสุข เป็นศาสตร์แห่งทางเลือก

สังคมในยุคปัจจุบันก้าวเข้าสู่ยุค 4.0 เป็นสังคมแห่งการก้มหน้าเข้าหาเทคโนโลยีมากขึ้น ทุกคนต่างใช้ชีวิตเร่งรีบไปกับการทำงาน แข่งขันกับเวลา จนทำให้ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นสาเหตุของการเจ็บไข้ได้ป่วย ทั้งด้านร่างกาย และจิตใจ โยคะจึงเป็นศาสตร์ทางเลือก ที่ถูกนำมาใช้ในการบำบัด ควบคู่ไปกับการรักษาของแพทย์

โยคะบำบัด ศาสตร์แห่งการบำบัดทุกข์

                โยคะบำบัด เป็นทางเลือกสำหรับช่วยในการบำบัดอาการของโรคต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการรักษาของแพทย์สมัยใหม่เท่านั้น เราสามารถใช้โยคะเพื่อดูแลสุขภาพร่างกาย และจิตใจ ให้ค่อย ๆ ดีขึ้นได้ โยคะช่วยบำบัดโรคอะไรบ้าง วันนี้เรามีมาแนะนำ

  1. โยคะบำบัดต่อมไทรอยด์ ต่อมไทรอยด์มีความสำคัญต่อร่างกาย ทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะอื่น ๆ หากต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ จะส่งผลต่อการทำงานของอวัยวะอื่น ๆ ผิดปกติเช่นกัน โยคะบำบัดโรคต่อมไทรอยด์อย่างไร เพียงแค่การฝึกกำหนดลมหายใจ เข้า – ออก อย่างช้า ๆ ก็ช่วยทำให้ระบบสูบฉีดเลือด และระบบหมุนเวียนพลังงานดีขึ้น
  2. โยคะบำบัดโรคไต โรคไตเกิดจากภาวะการทำงานผิดปกติของไต ไตทำงานได้ลดลง การเล่นโยคะพื้นฐานโดยเฉพาะท่าแห่งความสุข สามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของไตให้ดีขึ้นได้
  3. โยคะบำบัดแก้หมอนรองกระดูกเสื่อม หมอนรองกระดูกเสื่อม อาการโดยทั่วจะรู้สึกชาที่ขาและเท้า รวมถึงอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ถึงขั้นเดินไม่ได้ สำหรับผู้ที่เป็นโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม ขอแนะนำให้เล่นโยคะควบคู่ไปกับการรักษาของแพทย์ จะช่วยให้อาการของโรคหายเร็วยิ่งขึ้น
  4. โยคะบำบัดออฟฟิศซินโดรม ปัจจุบันมนุษย์เงินเดือนทั้งหลาย ต้องประสบปัญหากับอาการออฟฟิศซินโดรมเป็นส่วนใหญ่ ชอบมีอาการปวดไหล่ ปวดคอ และปวดหลัง การเล่นโยคะมีหลายท่า ที่ช่วยทำให้อาการเหล่านี้หายลงได้ แล้วอย่าลืมช่วนเพื่อนที่ทำงานมาเล่นโยคะด้วยกัน

โยคะบำบัด ศาสตร์แห่งการบำรุงสุข

การเล่นโยคะสามารถช่วยให้เราใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างมีความสุข ปราศจากความเครียด การนอนไม่หลับ และแก้อาการหลงลืม การเล่นโยคะช่วยบำรุงสุขอะไรได้บ้าง

  • บรรเทาอาการคลายเครียด ปัจจุบันโรคเครียดเกิดขึ้นกับทุกคน โดยเฉพาะวัยหนุ่ม สาว วัยทำงาน ที่มีความเครียดสะสมจากการทำงาน การเล่นโยคะสามารถช่วยลดอาการความเครียดได้ในระดับหนึ่ง
  • แก้โรคนอนไม่หลับ ภาวะการนอนไม่หลับ มาจากความเครียด มีเรื่องให้ต้องคิดตลอดเวลา หรือพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไป ใช้ชีวิตตอนกลางคืนติดต่อกันเป็นเวลานาน เช่น ติดละคร ติดซีรีส์ การเล่นโยคะทำให้เกิดการเผาผลาญพลังงาน ส่งผลให้นอนหลับง่ายในตอนกลางคืน
  • แก้อาการหลงลืม โยคะเป็นศาสตร์แห่งการออกกำลัง ฝึกสมาธิผ่านการเคลื่อนไหวร่างกาย พร้อมกำหนดลมหายใจ มีสติ สมาธิ อยู่ที่ลมหายใจ เมื่อฝึกเล่นโยคะบ่อย ๆ จะช่วยให้มีความจำดีขึ้น และมีสติมากขึ้นกว่าเดิม

โยคะ ถือเป็นศาสตร์สำคัญอีกแขนงหนึ่ง ที่ช่วยทั้งบำบัดโรค บำรุงสุข ส่งผลดีสำหรับผู้เล่นเกือบทุกด้าน สำหรับคนที่มีอาการดังกล่าวข้างต้น ลองให้โยคะบำบัด ควบคู่ไปกับการรักษาของแพทย์ แล้วคุณจะรู้ว่าการเล่นโยคะสามารถช่วยคุณได้

ความแตกต่างระหว่างโยคะแต่ละประเภท กับคุณประโยชน์ของโยคะ ที่คุณควรรู้

โยคะ เป็นศาสตร์แห่งการออกกำลังกาย และเป็นศาสตร์แห่งการบำบัด การเล่นโยคะที่เห็นผล ควรเลือกเล่นให้ตรงตามประเภทของโยคะ โยคะมีหลายประเภท มีประเภทอะไรบ้างนั้นมาทำความรู้จักกันเลย

ผอมสวยด้วยโยคะ โยคะสำหรับออกกำลังกายลดความอ้วน

  • โยคะร้อน (Bikram Yoga) โยคะร้อน เป็นการเล่นโยคะในอุณหภูมิห้องที่มีความสูงประมาณ 37 องศา โยคะประเภทนี้สามารถทำให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นมากขึ้น เพิ่มความกระชับให้กับกล้ามเนื้อทุกส่วน ขจัดของเสียออกมาในรูปแบบของเหงื่อได้มากขึ้น จึงช่วยในเรื่องของการเผาผลาญได้เป็นอย่างดี เหมาะแก่การเล่นเพื่อลดความอ้วน นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการปวดต่าง ๆ เช่น ปวดหลัง ปวดคอ ช่วยระบบการหมุนเวียนของเลือด สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีลดน้ำหนัก โยคะร้อนถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ
  • วินยาสะโยคะ (Vinyasa Yoga) วินยาสะโยคะ เป็นการเล่นโยคะที่ใช้ร่างกายเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับกำหนดลมหายใจ เข้า – ออก อย่างช้า ๆ เปลี่ยนจากท่าหนึ่งไปสู่อีกท่าหนึ่งโยคะประเภทนี้เหมาะสำหรับการเล่นเพื่อลดน้ำหนักเป็นอย่างมาก เพราะมีการเคลื่อนไหวร่างกายอยู่ตลอดเวลา และยังทำให้ร่างกายแข็งแรง มีความกระฉับกระเฉง ช่วยลดความตรึงเครียด และมีสมาธิมากขึ้น

สุขภาพดีด้วยโยคะ โยคะเพื่อดูแลสุขภาพ

  • หฐโยคะ (Hatha Yoga) หฐโยคะ เป็นการเล่นโยคะเน้นท่าที่เพิ่มความยืดหยุ่นให้กับร่างกาย พร้อมกับฝึกพลังลมปราณ ควบคุมลมหายใจ เข้า – ออก เพื่อให้เข้าถึงพลังจิตใจของตัวเอง โยคะประเภทนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการฝึกความอดทน และเข้าถึงจิตใจของตนเอง
  • อัษฎางค์โยคะ (Ashtanga Yoga) อัษฎางค์โยคะ เป็นการเล่นโยคะแบบท่ายาก หรือที่เราเห็นกันบ่อย ๆ เช่น มือค้ำยันพื้น แล้วยกขาชี้ฟ้า โยคะประเภทนี้ท่าฝึกไม่เยอะ แต่ละท่าเน้นความแข็งแรงเป็นหลัก จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการเพิ่มความแข็งแรงให้กับกระดูก และกล้ามเนื้อ สำหรับคนที่ชอบความสตรอง แนะนำว่าต้องลอง
  • หยิน โยคะ (Yin Yoga) หยิน โยคะ เป็นการเล่นโยคะแบบค้างไว้เป็นเวลานาน ๆ และเปลี่ยนท่าอย่างเชื่องช้า แบบเนิบ ๆ เพื่อเป็นการฝึกสมาธิไปในตัว การเล่น หยิน โยคะ ทำให้ เส้นเอ็น กล้ามเนื้อ กระดูก ข้อต่อ และเนื้อเยื่อ มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีขึ้น นอกจากนี้ หยิน โยคะ ยังเป็นศาสตร์แห่งการบำบัดสำหรับคนใจร้อน แนะนำว่าใครใจร้อนรีบมาบำบัดกับ หยิน โยคะ โดยด่วน
  • โยคะธรรมดา (Gentle Yoga) โยคะธรรมดา เป็นการเล่นโยคะสำหรับมือใหม่หัดเล่น เน้นท่าพื้นฐานเบื้องต้นแบบเบา ๆ ฝึกปรับระดับลมหายใจ เพิ่มความยืดหยุ่นให้แก่ร่างกาย โยคะธรรมดา ช่วยรักษาอาการปวดตามข้อต่าง ๆ สำหรับมนุษย์ออฟฟิศทั้งหลาย ที่เสี่ยงต่อการเป็นออฟฟิศซินโดรม ขอแนะนำว่าควรอย่างยิ่ง

โยคะ เหมาะสำหรับผู้เล่น ทุกเพศ ทุกวัย โยคะมีหลายประเภท แต่ละประเภทมีจุดเด่นที่แต่งต่างกันไป ทั้งโยคะเพื่อสุขภาพ โยคะเพื่อการบำบัด หรือโยคะเพื่อการออกกำลังกาย  ผู้สนใจควรหาเวลาว่างฝึกเล่นอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 – 2 ครั้ง เพื่อสุขภาพที่ดีของคุณ