ข้อดีของการพาลูก ๆ ของคุณเข้าสู่วงการโยคะ ที่ได้มากกว่าความแข็งแรงของร่างกาย

เด็กในปัจจุบันมักจะสงบและแม่ ๆ ก็เลือกให้ลูก ๆ ของตนจบอารมณ์ร้องไห้หรือเสียใจด้วยการยื่นมือถือให้ลูก ๆ ซึ่งเราจะเห็นได้บ่อยมากที่พ่อแม่รุ่นใหม่นิยมให้ลูก ๆ เล่นมือถือหรือสมาร์ทโฟนต่าง ๆ ในการรับรู้สิ่งแปลกใหม่ หรือเพียงเพื่อหยุดเวลาให้ลูก ๆ ของตนไปกับสิ่งเหล่านั้น แม้พ่อแม่บางคนจะรู้ถึงผลกระทบจากสิ่งเหล่านี้แต่บางครอบครัวก็ยังไม่ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทางที่ดีพ่อแม่ควรพาลูก ๆ ทำกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจกับไอทีเหล่านั้น และเพื่อสร้างสุขนิสัยที่ดีขึ้นจะดีกว่า ซึ่งการพาลูกไปร่วมเล่นโยคะด้วยกันนั้น นอกจากจะสร้างความแข็งแรงในด้านสุขภาพให้กับลูกแล้ว การเล่นโยคะยังมอบสิ่งดี ๆ ที่คุณอาจคาดไม่ถึงได้อีกด้วย

การเล่นโยคะที่ส่งผลดีในด้านต่าง ๆ ให้กับเด็ก ๆ

          -สร้างสมาธิให้กับเด็ก ๆ ขณะเล่นโยคะ เพราะการเล่นโยคะจะเน้นการเคลี่อนไหวร่างกายส่วนต่าง ๆ ด้วยความเชื่องช้าให้สัมพันธ์กับลมหายใจ นั่นจึงทำให้เด็ก ๆ มีสมาธิจดจ่ออยู่กับการจดจำท่าทางในการเล่น และมีสมาธิกลัวว่าจะทำท่าทางผิดไป จึงส่งผลให้ขณะเล่นโยคะเด็ก ๆ จะมีสมาธิมากขึ้นเสมือนกับการนำศิลปะให้เด็ก ๆ เรียนรู้ในการฝึกสมาธิ ซึ่งหากพ่อแม่พาลูก ๆ ของตนฝึกเล่นโยคะอย่างสม่ำเสมอแล้วล่ะก็ จะทำให้เด็กมีสมาธิคงที่มากขึ้นได้เลยทีเดียว แต่การพาเด็ก ๆ ฝึกสมาธิด้วยการเล่นโยคะนี้คงมีข้อจำกัดสักหน่อย คือควรเป็นเด็กที่อายุราว ๆ 5 ขวบขึ้นไป เพราะช่วงวัยนี้เป็นวัยที่กำลังเรียนรู้และพาฝึกสมาธิได้ เพราะหากเป็นเด็กที่อายุน้อยกว่านี้ คงเบื่อกับการทำสิ่งเดิม ๆ ได้เร็วกว่านั่นเอง

          -ส่งผลทางอ้อมต่อการเรียนของเด็ก ๆ ได้ เมื่อเด็ก ๆ มีสมาธิมากขึ้น จึงส่งผลต่อการเรียนรู้และการจดจำของเด็ก ๆ เพราะเด็ก ๆ ในปัจจุบันนี้บกพร่องในด้านสมาธิสั้นกันค่อนข้างเยอะ ซึ่งเด็กที่มีสมาธิสั้นจะทำให้มีผลการเรียนที่ตกต่ำลง เนื่องจากจะไม่สามารถทนรับรู้หรือรับฟังต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นระยะเวลานานได้ ดังนั้นการเล่นโยคะที่สามารถทำให้เด็ก ๆ มีสมาธิมากขึ้น จึงส่งผลให้เด็ก ๆ อยู่นิ่งต่อกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่งเป็นระยะเวลานานขึ้น ทั้งการเรียนและการอ่านหนังสือได้

          -ด้านอารมณ์และจิตใจ เมื่อเด็กเรียนรู้ในการมีสมาธิ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้มีความนิ่งขึ้น จึงส่งผลทางด้านอารมณ์ให้เด็ก ๆ มีจิตใจที่เย็นลง ลดความซุกซนและควบคุมอารมณ์ให้นิ่งขึ้นได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยหนึ่งที่ส่งผลทำให้อารมณ์ความรู้สึกของเด็กดีขึ้น ทำให้เป็นคนมีจิตใจดี ใจเย็น และชอบความเป็นระเบียบเรียบร้อย

          การพาลูก ๆ ของคุณร่วมทำกิจกรรมใดด้วยกันรวมทั้งการเล่นโยคะพร้อมหน้าพร้อมตากับพ่อหรือแม่ นอกจากจะสร้างความแข็งแรงให้กับร่างกายได้แล้ว ยังส่งผลดีทางด้านอารมณ์และจิตใจของเด็กได้อีกด้วย

สร้างกาย ใจที่เข้มแข็งก่อนใคร ด้วยการเล่นโยคะตั้งแต่วัยเด็ก

เป็นที่น่าชื่นชมที่มีผู้ปกครองหลายคนส่งเสริมให้ลูกหลานของตนเริ่มฝึกฝนโยคะตั้งแต่เด็ก ไม่เพียงเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายยืดหยุ่น แต่ความมีวินัย มีสติ มีสมาธิและความอดทนที่ได้จากการฝึกฝนโยคะ จะสร้างประโยชน์มากมายให้กับวัยที่กำลังเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ซึ่งสามารถเห็นผลได้ชัดจากความคิด ทัศนคติ การตัดสินใจ และการเรียนหนังสือ

เด็กเริ่มเล่นโยคะได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่

เด็กสามารถเล่นโยคะได้ตั้งแต่วัย 2 เดือน เนื่องจากวัยนี้มีกระดูกที่แข็งแรงพอจะฝึกท่าทางง่าย ๆ บางอย่างได้ แต่ต้องได้อยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ แต่หากผู้ปกครองบางคนกังวลว่าวัยนี้ยังเล็กไปที่จะเริ่มต้น ก็สามารถส่งเสริมให้เด็กฝึกโยคะเมื่อเขาโตขึ้นกว่านี้ได้ เช่น เริ่มต้นในวัย 3 – 5 ปี โดยโยคะสามารถช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ช่วยให้เด็กสามารถเคลื่อนไหวและพยุงตัวได้ดี รวมถึงยังมีส่วนช่วยในการจัดระเบียบท่าทางให้สามารถนั่งหลังตรง เดินตัวตรง ไม่หลังงอ ไม่ห่อไหล่ มีบุคลิกที่ดีได้ตั้งแต่วัยเด็กอีกด้วย

โยคะทำให้เด็กมีสมาธิในการเรียนหนังสือ

โยคะอาจไม่สามารถทำให้เด็ก ๆ เรียนหนังสือเก่งหรือเป็นอัจฉริยะ แต่สมาธิที่ได้จากการฝึกฝน จะช่วยทำให้เด็กมีความสนใจและจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้นานขึ้น จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมเด็กที่ฝึกโยคะจึงมีผลการเรียนที่ดี

ทัศนคติเชิงบวกที่สร้างได้ตั้งแต่วัยเด็ก

ผู้ใหญ่ที่เล่นโยคะหลายคนล้วนบอกว่าโยคะมีส่วนทำให้เราเป็นคนคิดบวก การคิดบวกสร้างคุณประโยชน์มากมายให้กับชีวิตมนุษย์ เพราะทำให้เราไม่โกรธ ปล่อยวางมากขึ้น ให้อภัยง่ายขึ้น ลดปัญหาความเครียด เศร้า มัวหมองในจิตใจ และลดปัญหาสังคมจากการทะเลาะเบาะแว้งต่าง ๆ ได้  นอกจากนี้ การคิดบวกยังช่วยดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตได้ตามกลไกของพลังงานจากกฎแห่งแรงดึงดูดที่ว่า ความคิดบวกย่อมดึงดูดสิ่งที่ดี ความคิดลบย่อมดึงดูดสิ่งที่แย่ ๆ ซึ่งเมื่อมามองในมุมของเด็ก แม้วัยนี้จะยังไม่มีเรื่องราวให้วิตกกังวลหรือคิดถึงสิ่งต่าง ๆ ในแง่ลบมากมาย แต่การปูพื้นฐานให้เด็กมีทัศนคติเชิงบวกตั้งแต่เยาว์วัย จะช่วยลดความดื้อรั้น ความก้าวร้าว ความวิตกกังวลในวัยนี้ลงได้ รวมถึงสามารถช่วยปลอบประโลมความบอบบางทางจิตใจ เมื่อเด็กได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บางอย่าง เพราะในหลาย ๆ ครั้ง ความสะเทือนใจในวัยเด็กสามารถสร้างปมด้อยให้คน ๆ หนึ่งเมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่ได้

เพื่อส่งเสริมให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสามารถ มีหน้าที่การงานและคุณภาพชีวิตที่ดี ผู้ปกครองจึงส่งเสริมบุตรหลานเรื่องการเรียน การทำกิจกรรม การเพิ่มพูนทักษะความสามารถพิเศษ เช่น กีฬา ศิลปะ ดนตรี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ โยคะก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจในการนำมาใช้พัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ตั้งแต่วัยเด็กเช่นกัน เชื่อว่า หากได้รับการฝึกฝนและเด็กมีความชื่นชอบ โยคะจะเป็นอีกพื้นฐานหนึ่งที่ช่วยให้เด็กโตเป็นผู้ใหญ่ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ รู้จักสร้างสมดุล และดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขได้