การออกกำลังกายต่อเนื่องทุกวัน สำหรับคนขี้เบื่อ ขี้เกียจ และไม่มีเวลา

คนอ้วน กับของแถมอย่างโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และอาจจะไขมันในเลือดสูงด้วย หรืออาจจะอย่างใดอย่างหนึ่ง คนกลุ่มนี้มักจะมีข้ออ้างมากมาย เพื่อเป็นกำแพงขวางกั้นระหว่างวิถีชีวิตของตัวเองกับการออกกำลังกาย ทั้งที่ในใจลึก ๆ รู้ทั้งรู้ว่าการออกกำลังกาย คือ ยาอายุวัฒนะขนานเดียวที่จะทำให้มีชีวิตยืนยาว

การออกกำลังกายที่น่าเบื่อ

คนอ้วนนับล้านหลังจากที่เสพความสำเร็จของคนเคยอ้วน จะนั่งวาดฝันให้ตัวเองอย่างเลิศหรู เพราะมันเป็นความหวังที่ทำให้ตัวเองเป็นสุขชั่วข้ามคืน “พรุ่งนี้ฉันจะเปลี่ยนชีวิตตัวเอง ฉันจะออกกำลังกายทุกวัน” วิ่งเหมือนเขา เต้นเหมือนเขา ยืดด้วยโยคะร้อนเหมือนเขา ทำอะไรก็ทำตามเขาหมด แต่เพราะคนเราชอบไม่เหมือนกัน สุดท้ายความฝันที่จะลดน้ำหนักได้สำเร็จก็พังทลายลงไม่เป็นท่า

เมื่อการออกกำลังกายไม่ได้ดำเนินไปด้วยความเพลิดเพลิน ความเหนื่อยล้าและหมดแรงจะเข้ามาทำลายความหวังที่วาดเอาไว้จนไม่เหลือชิ้นดี

ก่อนอื่นคุณจะต้องหาวิธีออกกำลังกายที่ตัวเองไม่เบื่อ คุณอาจจะลองออกกำลังกายหลาย ๆ ประเภท เพื่อหาความสนุกเพลิดเพลินในการขยับออกกำลังกาย บางคนชอบวิ่ง แม้จะเหนื่อยกว่าแต่ก็ไม่เบื่อเพราะเพื่อนร่วมทางวิ่งเยอะ บางคนชอบว่ายน้ำเพราะรู้สึกไม่เหนื่อยมาก ถึงจะเหนื่อยแต่ก็หายเร็ว เพราะได้หายใจใต้น้ำให้ผ่อนคลาย แต่บางคนชอบปั่นจักรยาน เพราะไม่ต้องใช้แรงมาก ชมวิวทิวทัศน์สองข้างทางไปเรื่อย อาศัยปั่นไกลต่อเนื่องนาน ๆ แม้จะใช้เวลามากกว่า แต่ข้อเข่าข้อเท้าก็ไม่บาดเจ็บมากนัก แต่บางคนชอบเข้าฟิสเนส เพราะแอบชอบใครบางคนที่จะเจอเขาทุกวันหลังหกโมงเย็น ไม่ว่าความเพลิดเพลินของคุณจะเกิดขึ้นกับการออกกำลังกายในรูปแบบใด มันก็ถือเป็นเหตุผลที่ดีที่จะทำให้คุณไม่เบื่อและสนุกกับมันได้ตลอด

จิตหาญ ใจสนุก สุขในการขยับ

แน่นอนว่าสิ่งแรกที่คุณจะต้องมี คือ ความกล้า ถ้าคุณเพียงนั่งนึกภาพในความคิด กับวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะกับตัวเอง และตัดสินใจเอาว่า ตัวเองคงไม่เหมาะสมกับการวิ่ง และตัดการวิ่งออกจากวิถีการขยับ ทั้งที่คุณยังไม่ทันได้ลองสวมรองเท้ากางเกงวอร์ม และลองวิ่งออกจากประตูห้อง ก็ดูเหมือนว่าคุณกำลังจะพลาดโอกาสที่จะทำให้เอ็นโดรฟินหลั่งอย่างน่าเสียดาย ดังนั้น ความกล้าหาญที่จะทดลองสิ่งใหม่ ๆ เท่านั้น จึงจะทำให้คุณพบกับความสนุกที่ตัวเองไม่คาดคิด

เมื่อคุณพบว่าการขยับที่สามารถสร้างเคมีแห่งความสนุกคืออะไร เป็นการออกกำลังกายประเภทไหน ความสนุกสนานเพลิดเพลินจะบังเกิดขึ้นในความคิด และมันจะส่งผลไปถึงหัวใจ แน่นอนความรู้สึกอุ่น ๆ จะแผ่ซ่านที่กลางหน้าอกค่อนไปทางซ้าย นั่นเองที่คุณจะเกิดความสุขกับการขยับออกกำลังกาย

ขี้เกียจขยับ ไม่มีเวลาออกกำลังกาย

จะมีเส้นบาง ๆ กั้นระหว่างความขี้เกียจกับการหาเวลาออกกำลังกายไม่ได้ นั่นคือข้ออ้างที่สำคัญซึ่งเป็นการปิดโอกาสการออกกำลังกาย แต่ในความเป็นจริงคุณอาจจะพบว่า เวลาที่คุณเสพโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook ต่อครั้งอาจมากกว่า 20 นาที และแน่นอนมันไม่ได้ทำให้อายุของคุณยืนยาว โดยเฉพาะถ้ามีใครสักคนกล่าวหา ใส่ร้าย นินทาคุณใน Facebook มันกลับเป็นการบั่นทอนสุขภาพจิตของคุณให้ย่ำแย่ซ้ำเติมความอ้วนลงไปอีก เช่นนั้นถ้าคุณลองลดเวลาเสพข่าวสารสถานะของใครอื่นในสังคมออนไลน์ คุณจะมีเวลาเหลือที่จะขยับออกกำลังกาย

หรือคุณอาจปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อให้การออกกำลังกายเกิดขึ้น เช่น ปั่นจักรยานไปซื้อกับข้าวตอนเย็น เลิกใช้ลิฟท์แล้วหันไปขึ้นบันใดแทน เป็นต้น บางคนซื้อกับข้าวหน้าปากซอยกลับบ้านหลังเลิกงานทุกวัน ถ้าคุณปรับเวลาเสียใหม่ พยายามลดเวลาที่ไม่ได้สร้างประโยชน์ให้กับชีวิต และเอาเวลานั้นไปเพิ่มให้กับการขยับออกกำลังกาย คุณอาจขับรถตรงเข้าบ้านและเดินออกจากบ้านไปซื้อกับข้าวเย็น และทำใจว่ามันเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องทำ (ถ้าไม่ออกไปซื้อกับข้าวก็ไม่มีอะไรกินเย็นนี้) ความจำเป็นจะช่วยขจัดความขี้เกียจออกไปจากชีวิต และข้ออ้างที่ว่าไม่มีเวลาจะออกกำลังกาย จะเป็นข้ออ้างที่คุณคิดว่ามันไร้เหตุผล

สไตล์การออกกำลังกายแบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ

ก่อนเริ่มต้นเข้าฟิตเนสเพื่อออกกำลังกายอย่างจริงจัง บางทีคุณอาจจะต้องหยุดถามตัวเองให้แน่ใจก่อน ว่าจุดประสงค์ของการออกกำลังกายในครั้งนี้คืออะไร ไม่ใช่แค่การเห็นคนอื่นวิ่งก็ไปวิ่งด้วยหรือเห็นคนอื่นยกเวทก็ยกตาม เพราะสุดท้ายผลที่ได้จากการออกกำลังกายอาจจะไม่ได้ตรงกับสิ่งที่คุณต้องการเลย ดังนั้นเรื่องของการทบทวนตัวเองให้ดีก่อนเริ่มต้นจึงนับเป็นเรื่องสำคัญมาก เพื่อให้การเสียเหงื่อและเสียเวลาของเราไม่กลายเป็นการลงทุนที่สูญเปล่า

การออกกำลังกาย 3 สไตล์ยอดฮิตกับ 3 วัตถุประสงค์

แนวทางการออกกำลังกายแบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลัก ๆ ซึ่งแต่ละประเภทล้วนให้ประโยชน์ของการออกกำลังกายแตกต่างกันไป ได้แก่

1.การออกกำลังกายแบบแอโรบิค (Aerobic exercise) หรือที่เราเรียกกันสั้น ๆ ว่า “คาร์ดิโอ”  การออกกำลังกายประเภทนี้จะเน้นไปที่การเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและการหายใจให้สูงขึ้นกว่าปกติดต่อกันเป็นเวลานาน ช่วยให้หัวใจและปอดมีความแข็งแรงขึ้น และเพิ่มการหมุนเวียนของเลือดไปเลี้ยงยังอวัยวะต่าง ๆ มากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันเนื่องจากการเต้นของหัวใจที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร่างกายจึงจำเป็นต้องสลายไขมันและกล้ามเนื้อออกมาใช้ในการสร้างพลังงานมากขึ้นตามไปด้วย การออกกำลังกายประเภทนี้จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการออกกำลังกายเพื่อเน้นความแข็งแรงระบบต่าง ๆ และอวัยวะภายใจโดยเฉพาะหัวใจและปอดเป็นหลัก ตัวอย่างของการออกกำลังกายประเภทนี้ เช่น วิ่งมาราธอน เต้นแอโรบิค กระโดดเชือก ว่ายน้ำ เป็นต้น

2.การออกกำลังกายแบบเวทเทรนนิ่ง (Weight training) เป็นการออกกำลังกายที่เน้นการเพิ่มแรงดันเพื่อให้กล้ามเนื้อออกแรงต้าน ส่งผลให้มวลของกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้น เมื่อมวลกล้ามเนื้อเพิ่มมากขึ้นแล้วการเผาผลาญพลังงานของร่างกายก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย การออกกำลังกายประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมีสัดส่วนร่างกายที่ดี หรือมีมัดกล้ามเนื้อสวยงาม โดยอาจจะเวทเทรนนิ่งทุกส่วนหรือแค่บางจุดที่ต้องการก็ได้ ตัวอย่างของการออกกำลังกายประเภทนี้ เช่น การยกน้ำหนัก วิดพื้น โหนบาร์ เป็นต้น

3.การออกกำลังกายแบบยืดเหยียด (Stretching) การออกกำลังกายประเภทนี้จะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นของเอ็นและกล้ามเนื้อ ช่วยให้การเคลื่อนไหวของร่างกายดีขึ้นและผ่อนคลายความตึงในส่วนต่าง ๆ ช่วยให้ออกซิเจนเข้าไปเลี้ยงกล้ามเนื้อได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการปวดเมื่อยหรือเจ็บปวดของกล้ามเนื้อได้ด้วย การออกกำลังกายประเภทนี้เหมาะสำหรับการรักษาอาการออฟฟิตซินโดรม ลดอาการเมื่อยล้ากล้ามเนื้อ บริหารกล้ามเนื้อก่อนออกกำลังกายประเภทอื่น หรือเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกล้ามเนื้อ ตัวอย่างของการออกกำลังกายประเภทนี้ ได้แก่ โยคะ เต้นบัลเล่ต์ กายบริหาร เป็นต้น

วิธีการออกกำลังกายแต่ละประเภทล้วนมีข้อดีข้อด้อยแตกต่างกันไป จึงเป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องทำความเข้าใจให้ดีก่อนจะเริ่มต้นวางแผนการออกกำลังกายของตัวเอง เพราะหากไม่เข้าใจหลักการส่วนนี้แล้ว สุดท้ายย่อมไม่สามารถเกิดผลสำเร็จอย่างที่เราคาดหวังขึ้นมาได้

วิธีออกกำลังกายที่ดีที่สุดของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

การออกกำลังกายที่เหมาะสมของแต่ละบุคคลนั้นแตกต่างกันไป เพราะจุดประสงค์ของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน วิธีการออกกำลังกายที่ดีที่สุดจึงเป็นการวางแผนผสมผสานการออกกำลังกายในสไตล์ที่ให้ประโยชน์ตามความต้องการของตนเองเป็นอันดับแรก ในขณะเดียวกันก็ต้องออกกำลังกายในแนวทางที่เหลือควบคู่กันไปเพื่อผลที่ดีโดยรวมต่อสุขภาพด้วย

สุดท้ายแล้ว การออกกำลังกายที่ถูกต้องคือการต้องตอบตัวเองให้ได้ก่อนว่าเราต้องการผลอะไรจากการออกกำลังกาย จากนั้นจึงเน้นแนวทางที่ใช่เพื่อผลที่ชอบ มีวินัยออกกำลังกายสม่ำเสมอและหมั่นหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาตัวเองขึ้นไปเรื่อย ๆ  ถ้าทำได้ตามนี้แล้ว ผลสำเร็จของการออกกำลังกายย่อมเป็นของคุณแน่นอน