โยคะกับการปรนนิบัติผิวพรรณให้สดใสเปล่งปลั่ง

เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าการออกกำลังกายทุกประเภทที่เหมาะสมกับตนเอง ล้วนเป็นการเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้มีความแข็งแรงและช่วยให้ห่างไกลจากโรคที่จะมาเยือน ซึ่งการออกกำลังกายเป็นประจำก็ช่วยทำให้เลือดลมสูบฉีดเป็นจังหวะได้ดีขึ้นอีกทั้งยังเป็นการช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายได้ทางหนึ่งด้วย ซึ่งการออกกำลังกายด้วยการเล่นโยคะก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งในการดูแลตัวเองเพื่อให้ร่างกายมีความแข็งแรงพร้อมภูมิต้านทานโรคที่เพิ่มขึ้น อีกทั้งการเล่นโยคะนอกจากจะได้ประโยชน์ทางร่างกายคล้ายกับการออกกำลังกายประเภทอื่น ๆ แล้ว ยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพจิตและสมาธิให้ดีขึ้นด้วย เนื่องจากการเล่นโยคะเน้นการฝึกกำหนดลมหายใจเข้า-ออก อีกทั้งยังฝึกจิตให้จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำ ทำให้ขณะเล่นโยคะเกิดสติและสมาธิมากกว่าการออกกำลังกายวิธีอื่น ๆ

โยคะช่วยทำให้ผิวพรรณสดใสและเปล่งปลั่งได้อย่างไร

-ช่วยให้เลือดสูบฉีดได้ดีขึ้น เพราะการเล่นโยคะได้มีการเคลื่อนไหวร่างกายให้กล้ามเนื้อได้มีการใช้งานด้วยท่าทางที่เหมาะสม อีกทั้งยังเป็นการช่วยให้เลือดไหลเวียนทั่วร่างกายได้สะดวกขึ้น และเมื่อเลือดที่ไหลเวียนทั่วร่างกายถูกสูบฉีดอย่างเป็นระบบ จึงทำให้ไม่เกิดการคั่งค้างของเลือด ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งและมีความสดใสในแบบฉบับของคนออกกำลังกาย ซึ่งจะมีบุคลิกและลักษณะทางร่างกายภายนอกแตกต่างจากคนที่ไม่ชอบออกกำลังกายอยู่แล้ว อีกทั้งการเล่นโยคะจะทำให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่งสดใสแล้ว ยังช่วยทำให้ใบหน้าดูสดใสไม่แห้งสีด หรือที่คนทั่วไปเรียกว่ามีเลือดฝากที่แก้มนั่นเอง

-ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย เมื่อมีการเล่นโยคะด้วยท่วงท่าที่เหมาะสมและเป็นระยะเวลาต่อเนื่อง จึงมีการขับของเสียออกมาทางผิวหนังหรือเหงื่อนั่นเอง ซึ่งนับว่าเป็นการขับสารพิษที่ร่างกายต้องการกำจัดอีกวิธีการหนึ่งด้วย อีกทั้งเมื่อมีการใช้ลมหายใจเข้าออกในการเล่นโยคะอย่างถูกวิธีก็เสมือนเป็นการขับสารพิษออกมาผ่านระบบทางเดินหายใจอีกด้วย และเมื่อสูดอากาศเข้าไปก็เป็นการรับออกซิเจนบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกาย ทำให้ร่างกายได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงมีส่วนทำให้ร่างกายกระปรี้กระเปร่า ผิวพรรณดูสดใสขึ้น จากการขับสารพิษหรือของเสียที่คั่งค้างออกจากร่างกายนั่นเอง

การเล่นโยคะทำให้ผู้เล่นได้รับประโยชน์ต่าง ๆ อย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นทั้งทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม ดังนั้นหากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการหันมาดูแลตัวเองด้วยวิธีการออกกำลังกายง่าย ๆ สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา ซึ่งหากคุณเลือกวิธีการเล่นที่ถูกต้องและเหมาะสมกับตัวเองแล้ว ก็ย่อมเป็นทางเลือกหนึ่งในการดูแลตัวเองของคนรักสุขภาพ ที่สามารถสร้างความต้านทานโรคได้เพิ่มขึ้น และทำให้มีบุคลิกภาพที่ดี อีกทั้งประโยชน์ทางอ้อมที่จะได้รับจากการเล่นโยคะก็ยังมีมากมายอีกด้วย

เครดิตภาพ : https://pixabay.com/th/%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%B0-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4-%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B3%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A2-682326/

ผู้ชายกับการเล่นโยคะ ทำไมนะถึงต้องกังวลกับการเล่นโยคะกันด้วย

                การเล่นโยคะคือการฝึกการออกกำลังด้วยท่วงท่าและสมาธิ เป็นการออกกำลังกายด้วยสมาธิจึงไม่เน้นความผาดโผนของการออกกำลังกาย ดังนั้นจึงเป็นธรรมดาที่ผู้ชายไม่ค่อยชอบออกกำลังกายแนวนี้สักเท่าไหร่ อีกทั้งการออกกำลังกายด้วยการเล่นโยคะเป็นที่นิยมของสาว ๆ มากกว่าผู้ชาย ดังนั้นผู้ชายส่วนมากจึงกังวลใจเป็นอย่างมากหากพวกเขาต้องร่วมออกกำลังกายภายในห้องที่เต็มไปด้วยหญิงสาวร่างบอบบาง แต่เขานั้นร่างสูงใหญ่ที่ต้องมานั่งฉีกแข้งฉีกขาพร้อมกับพวกเธอ นี่จึงเป็นเหตุผลเบื้องต้นว่าทำไมผู้ชายจึงไม่นิยมออกกำลังกายด้วยการเล่นโยคะ

ผู้ชายหลายคนอาจมองข้ามไปได้ว่าการเล่นโยคะก็เป็นการออกกำลังกายอีกชนิดหนึ่ง เพียงแต่มีรูปแบบที่แตกต่างไปจากการออกกำลังกายโดยทั่วไป แต่การเล่นโยคะนั้นสามารถสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและสุขภาพที่ดีได้ไม่น้อยไปกว่าการออกกำลังกายด้วยวิธีอื่นเลย

ข้อดีของการเล่นโยคะที่ได้เยอะกว่าการออกกำลังกายด้วยวิธีอื่น ๆ ของผู้ชาย

                -เพราะผู้ชายส่วนมากมักจะมีอารมณ์ร้อนและฉุนเฉียวง่าย ดังนั้นหากผู้ชายได้สัมผัสการออกกำลังกายด้วยการเล่นโยคะที่เป็นการฝึกสมาธิและสติในเวลาเดียวกันแล้ว ย่อมทำให้จิตใจของพวกเขาจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำขณะเล่นโยคะและเมื่อเล่นเป็นประจำสม่ำเสมอแล้ว ก็จะสร้างอารมณ์และจิตใจให้เย็นลง สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดีขึ้นนั่นเอง

-เสริมสร้างกล้ามเนื้อ อย่ามองข้ามว่าการเล่นโยคะไม่สามารถสร้างซิกแพคให้กับผู้ชายได้ เพราะการเล่นโยคะเป็นการเน้นการเคลื่อนไหวร่างกายเฉพาะส่วน ซึ่งหากมีการใช้กล้ามเนื้อส่วนนั้น ๆ เคลื่อนไหวให้ถูกท่วงท่าอย่างประจำแล้วล่ะก็ ซิกแพคจะเข้าหาโดยที่คุณไม่ทันรู้ตัวเลยทีเดียว

-ลดความตึงเครียดได้ เพราะการที่ต้องทำงานมาตลอดทั้งวันและต้องเจอกับสิ่งต่าง ๆ มากมาย ดังนั้นการได้ออกกำลังกายโดยการเล่นโยคะในบรรยากาศและท่วงท่าที่สโลว์ไลฟ์ย่อมทำให้เกิดการผ่อนคลาย ลดความตึงเครียดที่ผู้ชายมีอยู่ แต่ผลักดันความสุขความสงบเข้าสู่จิตใจของพวกเขาได้ทางหนึ่งด้วย

-ช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นเหงื่อหรือหรือก๊าซขณะหายใจออก หากมีการขับออกมาในปริมาณที่เหมาะสมก็ย่อมนับว่าเป็นการขับสารพิษและของเสียออกจากร่างกายทางหนึ่งนอกจากการขับถ่าย จึงทำให้เลือดลมหมุนเวียนดีขึ้น ช่วยให้ผิวพรรณผ่องใส และเมื่อของเสียไม่คั่งค้างอยู่ในร่างกายก็ย่อมทำให้ไม่มีกลิ่นตัวด้วยนั่นเอง

การเล่นโยคะจึงเหมาะกับทั้งผู้หญิงและผู้ชาย เพราะล้วนมีแต่ประโยชน์ทั้งสิ้น เพียงแค่คุณลองเปิดใจแล้วจะหลงรักการออกกำลังกายแนวนี้ไปโดยไม่รู้ตัวทีเดียว

มารู้จักอุปกรณ์พื้นฐานที่ใช้ในการเล่นโยคะประเภทต่าง ๆ

                การเล่นโยคะเริ่มจากการเล่นบนพื้นราบไม่มีอุปกรณ์ใด ๆ เพียงแค่เน้นท่วงท่าในการเล่นและสถานที่สงบเงียบเพื่อสร้างบรรยากาศและสมาธิในการเล่นเท่านั้น แต่เมื่อมีการแตกแขนงศาสตร์การเล่นโยคะออกเป็นประเภทต่าง ๆ พร้อมทั้งมีการพัฒนาคิดค้นนำอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ เข้ามาเป็นตัวช่วยในการเล่นโยคะ เพื่อสร้างความสนุกแปลกใหม่ในการเล่น อีกทั้งยังใช้อุปกรณ์นั้น ๆ ช่วยให้การเล่นโยคะสัมฤทธิ์ผลและสร้างความตื่นเต้นให้กับผู้เล่นอีกด้วย ซึ่งอุปกรณ์การเล่นโยคะในปัจจุบันมีให้เลือกใช้กันอย่างหลากหลาย ทุกอุปกรณ์ล้วนแล้วแต่เป็นตัวช่วยเสริมให้การเล่นโยคะเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้นนั่นเอง

อุปกรณ์เสริมในการเล่นโยคะประเภทต่าง ๆ มีอะไรบ้าง

                1.เสื่อปูรองหรือเสื่อโยคะ เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับคนที่อยู่ในขั้นเริ่มฝึกเล่นโยคะ เพราะเสื่อปูรองนับเป็นตัวช่วยชนิดหนึ่งในการป้องกันการบาดเจ็บและลดการกระแทกระหว่างร่างกายกับพื้นในระหว่างฝึกโยคะได้อีกด้วย ซึ่งเสื่อปูรองนี้จะมีลักษณะเฉพาะต่างจากเสื่อทั่ว ๆ ไป เพราะจะใช้วัสดุในการผลิตที่แตกต่างออกไปและมีความหนานุ่มยืดหยุ่นมากเป็นพิเศษนั่นเอง

2.เข็มขัดโยคะ มีลักษณะยืดหยุ่น เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่สามารถนำมาใช้กับหลาย ๆ ส่วนของร่างกายได้ ไม่เพียงเฉพาะใส่ไว้บริเวณเอวเท่านั้น แต่ยังสามารถใช้เข็มขัดเป็นอุปกรณ์ในการเล่นท่าทางที่ยากขึ้น ซึ่งการใช้อุปกรณ์ชนิดนี้เป็นการใช้ท่วงท่าที่เน้นช่วงเข่าไปจนถึงช่วงขา เน้นการยืดกล้ามเนื้อส่วนขานั่นเอง

3.บล็อกหรือท่อนไม้ หรือโฟมที่มีน้ำหนักเบา เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่เป็นส่วนประกอบในการออกท่วงท่าของโยคะและยังเป็นอุปกรณ์ที่เป็นตัวช่วยให้กับผู้ที่กำลังฝึกเล่นท่าทางที่ยากขึ้นแต่ยังไม่ถึงขั้นแอดวานซ์ เช่น ผู้ที่เล่นท่าตรีโกณที่มือไม่ถึงพื้น หรือมือทั้งสองข้างขนาบพื้นไม่เท่ากัน ก็สามารถใช้บล็อกที่เป็นตัวช่วยนี้วางที่พื้นแล้วใช้มือยันเพื่อช่วยให้มือทั้งสองข้างขนาบอยู่ในระดับเดียวกันได้

4.เก้าอี้ นับเป็นอุปกรณ์ที่หาได้ง่ายมาก ๆ ชนิดหนึ่งเลยทีเดียว เพราะเก้าอี้นับว่าเป็นอุปกรณ์ทั่วไปที่ไม่ใช่อุปกรณ์ที่สร้างมาเพื่อการเล่นโยคะเท่านั้น แต่เก้าอี้ที่จะนำมาเป็นอุปกรณ์ส่วนหนึ่งในการเล่นโยคะนี้ควรเป็นเก้าอี้พับ และต้องมีลักษณะเบาด้วยเพื่อที่ขณะเล่นโยคะต้องมีการเปลี่ยนหรือหันเก้าอี้ ดังนั้นหากเป็นเก้าอี้พับแล้วจะเหมาะสมและเป็นการสะดวกต่อการเล่นโยคะด้วย

5.ผ้าห่มหรือผ้าเช็ดตัว ควรมีลักษณะพิเศษเฉพาะกว่าผ้าห่มหรือผ้าเช็ดตัวแบบธรรมดา เพราะต้องมีความเหนียวและยืดหยุ่นได้ดีกว่าแบบธรรมดา แต่ไม่ควรมีขนาดหนามากเกินไป ซึ่งผ้าห่มหรือผ้าเช็ดตัวที่ใช้เป็นอุปกรณ์ในการเล่นนี้ สามารถนำมาเล่นได้ตั้งแต่ปูรองพื้น รองศีรษะ หนุนคอป้องกันอาการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้นได้

อุปกรณ์ที่กล่าวมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ในการเล่นโยคะเท่านั้น เพราะการเล่นโยคะสามารถนำสิ่งของต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวมาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับการเล่นได้ทั้งสิ้น ดังนั้นอุปกรณ์ของการเล่นโยคะจึงไม่ใช่มีเพียงแค่ที่กล่าวมา หากแต่เมื่อคุณเข้าใจถึงการเล่นโยคะที่แท้จริงแล้ว คุณก็อาจสามารถนำสิ่งของข้างกายมาดัดแปลงเป็นอุปกรณ์ประกอบการเล่นได้ด้วย

คนสูงวัยก็สามารถสร้างความแข็งแรงของร่างกายและจิตใจให้แจ่มใสได้ด้วยโยคะ

                โยคะเป็นการออกกำลังกายชนิดหนึ่งที่ไม่เน้นการใช้กล้ามเนื้อในการออกกำลังกายมากนัก อีกทั้งยังเป็นการออกกำลังกายชนิดหนึ่งที่ลดแรงกระแทกจากการบาดเจ็บ ดังนั้นการออกกำลังกายด้วยการเล่นโยคะจึงเหมาะกับคนทุกเพศทุกวัยที่รักสุขภาพและอยากดูแลตัวเอง เพราะการเล่นโยคะไม่เพียงแค่เป็นการฝึกสมาธิสร้างสติเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างให้ร่างกายแข็งแรงได้ด้วยการออกกำลังกายให้ถูกจุดด้วยนั่นเอง

ข้อดีของการเล่นโยคะของผู้สูงอายุ

                -สร้างกล้ามเนื้อให้มีความแข็งแรง เพราะเมื่ออายุที่ร่วงโรยลงไปกล้ามเนื้อและส่วนต่าง ๆ ของร่างกายที่ไม่ค่อยได้ใช้งานก็จะเริ่มเสื่อมสภาพลงไปด้วย ดังนั้นเมื่อมีการออกกำลังกายด้วยการเล่นโยคะด้วยท่วงท่าที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุแล้ว ก็จะเป็นการใช้กล้ามเนื้อส่วนนั้น ๆ ไม่ให้กล้ามเนื้อตายนั่นเอง ผู้สูงอายุที่ออกกำลังกายด้วยการเล่นโยคะจึงมีความแข็งแรงมากกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกายเลยนั่นเอง

-ฝึกสมาธิและสติ เพราะผู้สูงอายุมักไม่ค่อยได้ใช้การคำนวณเนื่องจากไม่ได้ทำงานแล้ว ดังนั้นจึงอาจเกิดอาการสมองเสื่อมจากการที่ไม่ได้ใช้สมองเลย ดังนั้นหากผู้สูงอายุได้ทำกิจกรรมร่วมกันและมีการฝึกสมาธิและสติแล้ว ก็จะเป็นการฝึกให้ผู้สูงอายุใช้สมองร่วมในการออกกำลังกายด้วยทางหนึ่ง จึงอาจลดอาการสมองเสื่อมได้อีกทางหนึ่งด้วย

-สร้างสังคมให้กับผู้สูงอายุ แน่นอนว่าการที่ปล่อยให้ผู้สูงอายุต้องอยู่บ้านเพียงลำพัง ย่อมสร้างความกังวลใจและความเหงาให้กับพวกท่านได้ ดังนั้นหากผู้สูงอายุกลุ่มนี้ได้ออกมาพบปะและร่วมกิจกรรมเล่นโยคะที่เหมาะสมแล้ว ก็จะเป็นเสมือนการสร้างกิจกรรมอย่างหนึ่งและให้ได้ออกมาพบเจอคนรุ่นราวคราวเดียวกันในทางอ้อม สร้างความบันเทิงและลดความตึงเครียดไปในตัวด้วย ทำให้ผู้สูงอายุเหล่านี้ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนว่าตนอยู่คนเดียวนั่นเอง

-ช่วยบรรเทาให้อาการป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ดีขึ้นได้ เพราะคนสูงอายุมักมีโรคประจำตัวตามวัยของตน เช่น โรคความดันโลหิต โรคหัวใจ โรคเบาหวาน เป็นต้น หากให้คนสูงอายุเหล่านี้ได้ออกกำลังกายด้วยการเล่นโยคะด้วยท่วงท่าที่เหมาะสมแล้ว ก็จะเป็นการกระตุ้นการทำงานของหัวใจและกล้ามเนื้อต่าง ๆ ให้มีการเคลื่อนไหวที่เหมาะสม จึงช่วยลดและบรรเทาอาการของโรคต่าง ๆ พร้อมทั้งสร้างให้ความดันในร่างกายและการหายใจอยู่ในภาวะดีขึ้นนั่นเอง

อย่างไรก็ตามการเล่นโยคะของผู้สูงอายุย่อมต้องอยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้เชี่ยวชาญ อีกทั้งยังควรให้ผู้สูงอายุเล่นท่าทางที่ง่าย ๆ ก่อน หากท่าใดทำไม่ได้ก็อย่าฝืน และเริ่มเล่นจากท่าง่าย ๆ ไปก่อน หากมีความชำนาญจึงค่อยเพิ่มระดับของความยากนั้น ๆ

มารู้จัก “โยคะ” ให้ครอบคลุมกว่าที่คุณเคยรู้

เมื่อผู้หญิงสักคนหนึ่งนึกถึงการออกกำลังกายที่ไม่ยุ่งยากและเหน็ดเหนื่อยมากนัก สามารถเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา เล่นที่บ้านหรือในสถานที่ไม่ต้องกว้างขวางก็สามารถทำได้นั้น คำถามนี้คงตอบโจทย์ได้ไม่ยากนัก ซึ่งเชื่อว่าสาว ๆ หลายคนคงนึกถึงการเล่นโยคะกันอยู่ไม่น้อยเลย เพราะการเล่นโยคะกำลังเป็นที่นิยมชมชอบสำหรับสาวสังคมยุคใหม่เป็นอย่างมาก จนอาจเรียกว่าการเล่นโยคะในปัจจุบันนับเป็นแฟชั่นหนึ่งของการออกกำลังกายเลยก็ว่าได้ ดังนั้นเราควรมาทำความรู้จักโยคะให้ครอบคลุมในหลาย ๆ ด้านกันดีกว่า

โยคะคืออะไร

                โยคะ คือศาสตร์ของการออกกำลังกายแขนงหนึ่ง มีที่มาเริ่มแรกจากประเทศอินเดีย ซึ่งไม่ใช่การออกกำลังกายแนวใหม่แต่อย่างใด หากแต่เป็นการออกกำลังกายแขนงหนึ่งที่มีมาตั้งแต่ดั้งเดิมยุคโบราณแล้ว แต่เป็นการออกกำลังกายโดยทั่วไปของคนชั้นสูง จนในปัจจุบันที่มีการรับมาและดัดแปลงจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งการเล่นโยคะถูกนำไปเล่นกันแทบจะทุกประเทศทั่วโลก แน่นอนว่าไทยก็รับเอาศาสตร์นี้มาด้วยเช่นกัน ซึ่งต้องยอมรับว่าในอดีตการเล่นโยคะในไทยไม่เฟื่องฟูมากนัก แต่เมื่อเหล่าบรรดาคนดัง เซเล็บต่าง ๆ พากันเล่นโยคะและอวดโฉมจากผลแห่งการเล่นโยคะผ่านสื่อออนไลน์ต่าง ๆ แล้วนั้น ก็ทำให้การเล่นโยคะเป็นที่รู้จักกันในวงกว้างและมีการเล่นโยคะตามแบบคนดังกันมากยิ่งขึ้นนั่นเอง

โยคะมีกี่ประเภท อะไรบ้าง

1.Hatha Yoga (หฐโยคะ) เป็นการเล่นโยคะแรกเริ่มของคนที่อยากสัมผัสศาสตร์แขนงนี้เลย และเป็นการเน้นการฝึกสมาธิให้มีสติ เน้นการรักษาความสมดุลของร่างกายภายในมากกว่าการเน้นการสร้างกล้ามเนื้อและความแข็งแรง ดังนั้นจึงเป็นท่าการออกกำลังกายที่เชื่องช้าและง่าย ๆ ไม่เน้นความรวดเร็วและกล้ามเนื้อ

2.Vinyasa Yoga (วินยาสะ โยคะ) เป็นการออกท่าทางที่อัพเลเวลจากประเภทแรกมาอีกหนึ่งสเต็ป แต่ก็ยังคงเป็นท่าทางการออกกำลังกายที่เชื่องช้าอยู่ แต่เน้นความต่อเนื่องมากขึ้น ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการลดความอ้วน เพราะเหมาะกับคนอ้วนที่ต้องการออกกำลังกายที่ลดอาการบาดเจ็บจากการออกท่วงท่าได้มากทีเดียว

3.Ashtanga Yoga (อัษฎางค์โยคะ) เป็นความยากของการเล่นโยคะมาอีกหนึ่งขั้น เพราะประเภทนี้จะเน้นการเล่นท่วงท่าที่ยากขึ้น นอกจากการเน้นการกำหนดลมหายใจแล้ว ยังต้องควบคุมสายตาให้สอดคล้องกับลมหายใจและในขณะเดียวกันก็ต้องควบคุมท่วงท่าในการเล่นโยคะไปพร้อม ๆ กันอีกด้วย

4.Anusara yoga (อนุสราโยคะ) เหมาะกับผู้ป่วยที่ต้องการออกกำลังกายเพื่อรักษาและต้านทานโรค เพราะเป็นการออกท่วงท่าที่เน้นเฉพาะจุดเป็นสำคัญ ดังนั้นการเล่นโยคะประเภทนี้จึงควรอยู่ในการดูแลของผู้เชี่ยวชาญอย่างใกล้ชิดด้วย

5.Bikram Yoga (โยคะ ร้อน) เป็นการออกท่วงท่าในห้องที่มีอุณหภูมิใกล้เคียงกับอุณหภูมิของร่างกายเพื่อให้เกิดการปรับสมดุลให้มากที่สุด การเล่นประเภทนี้ยังช่วยในเรื่องการยืดหยุ่นกล้ามเนื้อได้ดี และการขับของเสียในระหว่างการเล่นได้ด้วย และแน่นอนว่าเมื่อมีการขับของเสีย เช่น เหงื่อออกมาในปริมาณที่พอเหมาะแล้ว ก็จะเป็นการลดความอ้วนไปในตัวด้วย

โยคะมีให้เลือกเล่นได้ตามใจชอบหลายประเภท และทุกประเภทก็ตอบโจทย์คนรักสุขภาพที่ต้องการออกกำลังกายด้วยท่วงท่าเบา ๆ แต่ได้สุขภาพไม่เบาด้วย ดังนั้นหากชอบประเภทใดหรือรู้ว่าประเภทใดที่เหมาะกับตัวเองแล้ว ก็ลองเปิดใจเล่นโยคะกันดูเสียแต่วันนี้กันเลย

เครดิตภาพ : https://pixabay.com/th/บัลเล่ต์-นักเต้น-การทำสมาธิ-คน-1840275/

สถานที่และบรรยากาศที่สวยงามมีผลต่อการเล่นโยคะด้วยนะ

ศาสตร์การเล่นโยคะนับเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งของการออกกำลังกาย แต่ไม่ใช่การออกกำลังที่เน้นการเล่นกล้ามเนื้อหรือการเล่นแบบผาดโผน แต่โยคะเป็นการเน้นการฝึกการเคลื่อนไหวของร่างกาย ด้วยท่าทางการออกกำลังกายที่เชื่องช้าและเป็นการฝึกสมาธิไปในตัว ซึ่งการเล่นโยคะสามารถเล่นได้ทุกที่ทุกเวลาเพียงแค่ขอให้มีพื้นที่ราบเรียบที่จะสามารถเล่นได้นั่นเอง

บรรยากาศมีผลกับการเล่นโยคะจริงหรือไม่

                โดยปกติการออกกำลังกายด้วยวิธีอื่น ๆ ย่อมต้องออกกำลังกายกลางแจ้งหรือในห้องฟิตเนสตามรูปแบบเฉพาะของการออกกำลังกายนั้น เช่น การเดินหรือวิ่งก็ย่อมต้องมีพื้นที่กว้างที่สามารถเดินหรือวิ่งได้ การปั่นจักรยานก็ย่อมต้องมีพื้นที่ให้สามารถปั่นได้โดยรอบ เป็นต้น แต่การเล่นโยคะสามารถเล่นได้ทุกที่ทุกเวลา เพราะไม่จำต้องใช้พื้นที่มากนัก เพียงแค่ขอให้มีพื้นที่ราบสักหน่อยที่สามารถขยับและเปลี่ยนแปลงท่าทางได้ก็เป็นการเพียงพอแล้ว ดังนั้นจึงพบเห็นได้โดยง่ายกับคนที่เล่นโยคะนอกอาคารหรือสถานที่ออกกำลังกายโดยทั่วไป เช่น เล่นโยคะบริเวณสวนหลังบ้าน หรือสวนสาธารณะที่มีการนัดรวมตัวกันเป็นกลุ่มเพื่อออกกำลังกายร่วมกัน หรือการเล่นโยคะในห้องฟิตเนส หรือแม้กระทั่งการเล่นโยคะในห้องที่สร้างบรรยากาศผ่อนคลายด้วยแสงไฟ กลิ่น และบรรยากาศ เพื่อกระตุ้นสมาธิและความผ่อนคลายในระหว่างการเล่นเพิ่มขึ้นอีกด้วย

สามารถสร้างบรรยากาศในการเล่นโยคะให้แตกต่างจากเดิมได้อย่างไรบ้าง

                -จุดเทียนหรือใช้แสงไฟสีซอฟท์ ๆ ในบริเวณห้องเล่นโยคะ เพราะศาสตร์ของการเล่นโยคะเน้นการออกกำลังกายที่เป็นการฝึกสมาธิและการเคลื่อนไหวร่างกายไปในตัว ดังนั้นหากมีการสร้างบรรยากาศเพื่อให้เกิดความผ่อนคลายมากขึ้น ก็จะยิ่งส่งผลให้ผู้เล่นเกิดความผ่อนคลาย ลดความตึงเครียดมากยิ่งขึ้นด้วย

-จุดเทียนหอมสร้างบรรยากาศ คุณสามารถเพิ่มบรรยากาศให้ชวนฝัน เสมือนว่าได้เล่นโยคะท่ามกลางทุ่งดอกไม้ได้ง่าย ๆ เพียงแค่เลือกเทียนหอมกลิ่นที่คุณโปรดปราณจุดในบริเวณที่เล่นโยคะ จะเป็นการเพิ่มบรรยากาศและความฟินให้กับคุณได้มากทีเดียว

-เปิดเพลงโปรดของคุณช้า ๆ เปิดเพลงที่คุณโปรดปราณในขณะเล่นโยคะไปด้วย โดยคุณสามารถกำหนดลมหายใจและ ฮัมเพลงโปรดไปพร้อม ๆ กันได้ จะทำให้เกิดการเบี่ยงเบนความสนใจที่ไปสนใจกับการเล่นโยคะเพียงอย่างเดียว ให้จิตใจไปจดจ่อที่เพลงบ้างจึงอาจทำให้คุณเหนื่อยน้อยลงได้ด้วย

บรรยากาศที่ดีที่เหมาะกับคุณและโดนใจคุณ จึงส่งผลโดยตรงต่อการเล่นโยคะในครั้งนั้น ๆ ด้วย เพราะเมื่อบรรยากาศดี ๆ พร้อมสำหรับการเล่นโยคะ อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่คุณชื่นชอบด้วยแล้ว ก็ยิ่งทำให้การออกกำลังกายโดยการเล่นโยคะเสมือนกับการไม่ได้ออกกำลังกายแต่เป็นการทำสิ่งที่คุณหลงรักเลยทีเดียว

คุณแม่ตั้งครรภ์เหมาะกับการออกกำลังกายด้วยโยคะจริงหรือไม่

                เป็นความเชื่อที่ผิด ๆ ทีเดียวที่พูดกันว่าคุณแม่ตั้งครรภ์ไม่ควรออกกำลังกายเพราะอาจกระทบกระเทือนลูกน้อยในครรภ์ได้นั้น เพราะเมื่อไม่มีการออกกำลังกายเลยก็ย่อมทำให้ร่างกายอ่อนแอได้ เนื่องจากผู้หญิงตั้งครรภ์เปรียบเสมือนการต้องแบกรับถึงสองชีวิตไว้ในร่างกายเดียว มีสองหัวใจที่ต้องดูแลในเวลาเดียวกัน ดังนั้นคุณแม่ตั้งครรภ์จึงแสดงอาการเหนื่อยได้ง่ายกว่าคนปกติ แต่ถึงอย่างไรก็ควรออกกำลังกายด้วยเพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อต่าง ๆ และเป็นวอร์มให้ร่างกายแข็งแรงตลอดเวลา เพราะผู้หญิงตั้งครรภ์ก็เป็นแค่คนที่กำลังให้กำเนินลูกเป็นภาวะตั้งครรภ์เท่านั้น ผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่ใช่คนป่วยแต่อย่างใด เพียงแค่ต้องหาวิธีและรูปแบบการออกกำลังกายเฉพาะเพื่อให้เหมาะสมกับคุณแม่ตั้งครรภ์ที่สุดเท่านั้นเอง

โยคะกับคุณแม่ตั้งครรภ์

                คุณหมอหลาย ๆ ท่านมักจะแนะนำคุณแม่ตั้งครรภ์เสมอว่าให้ออกกำลังกายด้วยวิธีการแบบเบา ๆ เพื่อสร้างความผ่อนคลายให้กับตนเอง และเป็นการวอร์มร่างกายให้มีความแข็งแรงเตรียมพร้อมรับมือกับการคลอดลูกนั่นเอง ดังนั้นโยคะซึ่งเป็นศาสตร์ของการออกกำลังกายแขนงหนึ่งซึ่งกำลังเป็นที่นิยมของเหล่าคนรักสุขภาพ จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีการที่คุณหมอมักแนะนำให้คุณแม่ตั้งครรภ์ออกกำลังกายด้วยวิธีการนี้ เพราะเป็นการออกกำลังกายด้วยท่าทางไม่ยาก และออกกำลังกายด้วยความช้า ไม่เน้นความรวดเร็วและการใช้พลังงานหรือกล้ามเนื้อมากนัก ดังนั้นการเล่นโยคะจึงนับว่าเป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคุณแม่ตั้งครรภ์มากที่สุด เพราะการออกกำลังกายด้วยวิธีการนี้จะไม่เกิดแรงกระแทก และไม่มีการเล่นท่าที่ต้องใช้ข้อหรือกล้ามเนื้อแต่อย่างใด อีกทั้งยังเป็นการฝึกสมาธิให้กำหนดรับรู้ลมหายใจเข้าออก จึงช่วยให้คุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีความกังวลใจในการตั้งครรภ์อยู่แล้ว มีความผ่อนคลายและมีสมาธิมากขึ้นด้วย

ข้อดีของการเล่นโยคะของคุณแม่ตั้งครรภ์

                -ช่วยฝึกกำหนดลมหายใจเข้าออกของคุณแม่ตั้งครรภ์ให้เป็นจังหวะมากขึ้น เกิดการรับรู้ทุกลมหายใจเข้าออกอย่างมีจังหวะ และเมื่อมีการหายใจเข้าออกอย่างถูกวิธีแล้ว ก็เป็นการนำออกซิเจนบริสุทธิ์เข้าสู่ร่างกายได้มากขึ้น จึงทำให้ลูกน้อยที่อยู่ในครรภ์ได้รับออกซิเจนบริสุทธิ์มากขึ้นไปด้วย

-ผ่อนคลายความตึงเครียดจากความกังวลต่าง ๆ เพราะหากเป็นคุณแม่ท้องแรกแล้ว ย่อมมีความกังวลมากเป็นพิเศษ ดังนั้น เมื่อมีการฝึกสมาธิจากการเล่นโยคะอย่างสม่ำเสมอจะช่วยทำให้คุณแม่ผ่อนคลายทางอารมณ์และลดความตึงเครียดจากกิจกรรมโยคะได้มากทีเดียว

-เป็นการเตรียมความพร้อมของร่างกายในการเตรียมตัวคลอด เพราะวันที่จะเจอหน้าลูกนั้นเป็นวันที่รอคอย ดังนั้นเมื่อมีการออกกำลังกายเบา ๆ สร้างร่างกายให้แข็งแรงเตรียมพร้อมพบเจอเจ้าตัวน้อยแล้ว ก็ย่อมเป็นการดีกว่าวันที่ร่างกายอ่อนแอจนทำให้เกิดอาการข้างเคียงจากการคลอดลูกได้

ดังนั้นการเล่นโยคะจึงเหมาะกับคุณแม่ตั้งครรภ์เป็นอย่างมากด้วยเหตุผลที่กล่าวมา ซึ่งหากเลือกวิธีและท่าทางในการเล่นโยคะให้เหมาะสมแล้ว จะยิ่งเป็นการเสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงไม่มีข้อเสียจากการเล่นโยคะเลย

โยคะ การออกกำลังที่ข้อจำกัดทางร่างกายไม่ใช่ปัญหา น้ำหนักมาก ตั้งครรภ์ หรือสูงวัย ก็เล่นได้

การเล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย อาจไม่ใช่เรื่องสะดวกสบายนักถ้าร่างกายเรามีข้อจำกัดบางอย่าง เช่น คุณแม่ที่ตั้งครรภ์อาจไม่สามารถว่ายน้ำได้สะดวก คุณตาสูงวัยอาจไม่ถนัดที่จะเล่นสกี คนที่มีน้ำหนักมากอาจลำบากที่จะวิ่งเพราะน้ำหนักจะลงไปกระแทกที่หัวเข่า ดังนั้น หากข้อจำกัดร่างกายเป็นอุปสรรคในการเล่นกีฬาหรือออกกำลังหนัก ๆ โยคะสามารถช่วยแก้ปัญหาตรงนี้ได้ เพราะเป็นการออกกำลังที่ช้าและเบา แต่เรียกเหงื่อได้ไม่แพ้การออกกำลังอย่างอื่นเลยทีเดียว

โยคะสำหรับผู้มีน้ำหนักมาก 

ผู้มีน้ำหนักมากก็สามารถเล่นโยคะได้ แต่ต้องไม่ใช่ท่าที่เอาศีรษะยันที่พื้น เพราะน้ำหนักที่มากเกินที่ร่างกายจะรับไหวอาจทำให้เกิดอันตรายได้ ผู้มีน้ำหนักมากสามารถฝึกโยคะได้หลายท่า เช่น ท่าสุนัขก้มหน้า (Downward Dog Pose) ซึ่งเป็นการนอนราบไปกับพื้น ก่อนจะยกสะโพกขึ้น คล้ายกับสุนัขที่กำลังยินก้มหน้า ท่านี้มีส่วนในการช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อส่วนคอและอาการปวดหลังได้

โยคะสำหรับผู้ที่กำลังตั้งครรภ์

คนส่วนใหญ่มีความคิดว่า ผู้หญิงที่ตั้งท้องควรจะอยู่นิ่ง ๆ ไม่ขยับร่างกายมากจะดีกว่า แต่ว่าที่คุณแม่บางคนที่รู้สึกอยากออกกำลังกายเบา ๆ ก็สามารถเล่นโยคะแทนการออกกำลังหนัก ๆ ก่อนได้ แต่ควรอยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญ การเล่นโยคะระหว่างตั้งท้องนั้น ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานที่รองรับน้ำหนักตัวของเด็กในท้อง ลดความเจ็บปวดในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย นอกจากนี้การเล่นโยคะบางท่า เช่น ท่าแมวและวัว (Cat and Cow Pose) ซึ่งมีลักษณะคล้ายการคลานเข่า จะช่วยให้บริเวณท้องหย่อนคล้อยลง ส่งเสริมให้ลูกกลับหัวได้ง่ายขึ้นก่อนที่จะถึงกำหนดคลอดด้วย

โยคะสำหรับผู้สูงวัย

ปัจจุบันนี้ เราสามารถพบเห็นผู้สูงวัยในชั้นเรียนโยคะได้บ่อยขึ้น อาจเพราะ เทคโลโลยีที่ก้าวหน้าทำให้ความรู้ต่าง ๆ เข้าถึงกลุ่มคนทุกเพศวัยได้ง่ายกว่าในอดีต คุณตาคุณยายหลายท่านจึงสนใจฝึกโยคะตามความนิยมสมัยใหม่ แต่เพราะร่างกายที่เสื่อมลงตามวัย อาจทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ผู้สูงอายุจะเล่นโยคะได้ไหม คำตอบคือ ได้แน่นอน โดยเลือกทำท่าอาสนะพื้นฐานที่ไม่ยาก เช่น ท่าไหว้พระอาทิตย์ (Sun Salutation Pose) ที่เป็นการยืนตัวตรง ยกมือพนมตรงกลางอกก่อนจะยืดสุดแขนไปยังตำแหน่งเหนือศีรษะ ท่าไหว้พระอาทิตย์มีประโยชน์มากในการฝึกการหายใจเข้าออกให้ลึกมากขึ้น เนื่องจากผู้สูงอายุบางรายหายใจตื้น ทำให้มีออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ในร่างกายไม่เพียงพอ นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ยืดหยุ่นข้อต่อ ทำให้รู้สึกสบายตัว รวมถึงยังทำให้นอนหลับได้ง่ายขึ้นด้วย

เพราะความพิเศษของการเคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ นี่เอง ที่ทำให้ผู้ที่มีข้อจำกัดทางร่างกายสามารถเล่นโยคะได้ไม่ยาก นอกจากจะช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงได้ไม่แพ้การออกกำลังชนิดอื่น แต่ยังช่วยเรื่องของระบบการทำงานต่าง ๆ ของอวัยวะภายในร่างกายได้ดีขึ้นด้วย เราจึงได้เห็นผู้สูงอายุที่ยังแข็งแรง คุณแม่ตั้งท้องที่เดินกระฉับกระเฉง หรือผู้มีน้ำหนักมากที่กล้ามเนื้อกำลังกระชับ และน้ำหนักเริ่มลดลง โยคะเป็นการฝึกปฏิบัติที่ค่อยเป็นค่อยไป แม้จะยังไม่ให้ผลลัพธิ์ในทันที แต่มีประโยชน์ระยะยาวต่อการพัฒนาจิตใจ ทำให้ผู้เล่นอารมณ์ดี และมีส่วนในการใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากขึ้น

 

เมื่อผู้ได้รับบาดเจ็บอยากออกกำลังกาย โยคะกับการบริหารร่างกายหลังทำศัลยกรรม

การศัลยกรรมในทางการแพทย์มีตั้งแต่เพื่อการรักษาความเจ็บป่วยไปจนถึงเพื่อเสริมสร้างความสวยงาม โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ศัลยกรรมเพื่อความงามเป็นเรื่องที่พบได้ทั่วไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมเมือง ที่เรื่องหน้าตาและสรีระร่างกายมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความสามารถ แม้การที่เราเกิดมาโดยมีจุดบกพร่องทางร่างกายบ้างจะไม่เป็นปัญหาถ้าเจ้าของร่างกายนั้นไม่รู้สึกว่ามันเป็นปัญหา แต่ก็ยังมีคนบางส่วนคิดว่า คงจะรู้สึกมั่นใจกว่าหากข้อด้อยบางอย่างได้รับการแก้ไขให้ดีขึ้น ความมั่นใจที่ได้จากการแก้ไขจุดบกพร่องให้สวยงามนี้จึงมีผลต่อการพัฒนาตัวเองคุณภาพชีวิตของผู้คนด้วย ดังนั้น หากศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบแล้ว การศัลยกรรมอาจเป็นคำตอบที่ดีอย่างหนึ่งในชีวิตของบางคนก็ได้

ดังนั้น เมื่อคนที่ผ่านการศัลยกรรมอยากออกกำลังกาย ทั้งหลังจากการผ่าตัดไม่นาน หรือเมื่อเวลาผ่านไปสักพัก จะสามารถเล่นกีฬาหรือทำกิจกรรมอะไรได้บ้าง พบว่า คนทั่วไปมักเลือกเล่นโยคะ เพราะคิดว่าเป็นวิธีที่ไม่หนักหรือเคลื่อนไหวรวดเร็วเกินไป แต่โยคะปลอดภัยกับคนที่เพิ่งการผ่าตัดมาจริงหรือ มาดูกันว่าคนทำศัลยกรรมต้องระมัดระวังในการเล่นโยคะอย่างไรบ้าง

เลือกวิธีที่อ่อนโยนกับร่างกายที่สุด

ไม่ว่าจะเลือกฝึกโยคะด้วยท่าทางใด ควรเริ่มต้นด้วยการเคลื่อนไหวอย่างค่อยเป็นค่อยไปก่อน ซึ่งขั้นตอนนี้อาจจะทำได้ช้ากว่าตอนก่อนศัลยกรรม สาเหตุที่ต้องเคลื่อนไหวช้า เป็นเพราะว่าผู้เล่นเองต้องหาจุดที่จะทำให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลายที่สุดก่อน ซึ่งในแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ซึ่งอาจต้องใช้เวลาประมาณ 1-2 เดือน ถึงจะพบจังหวะเคลื่อนไหวที่เหมาะสมของตนเอง แต่สิ่งที่ควรให้ความสำคัญคือ การควรหลีกเลี่ยงท่าที่เร่งการไหลเวียนของโลหิต เช่น ท่า Downward Dog หรือท่าที่ทำให้รู้สึกเหมือนหน้าและคอถูกดึง นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการเล่นโยคะร้อน เพราะความร้อนระหว่างการเล่นนั้นอาจทำให้แผลผ่าตัดมีเลือดออก ซ้ำยังทำให้หลอดเลือดขยายตัว จนร่างกายเกิดอันตรายได้อีกด้วย

แพทย์ก็มีส่วนช่วยในการทำโยคะบำบัด

ในต่างประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา มีการบำบัดหลังการทำศัลยกรรมด้วยการเล่นโยคะ (Post-Op Yoga) ซึ่งแพทย์ที่ผ่านการฝึกโยคะจะเป็นผู้ทำหน้าที่ออกแบบท่าทางในการฝึกตามความเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยแต่ละคน สามารถฟื้นฟูร่างกายได้ตั้งแต่ผู้ที่ผ่านการทำหน้าอกไปจนถึงศัลยกรรมจมูก โดย Post-Op โยคะนี้จะไม่เหมือนกับ Restorative Yoga ที่เป็นการฟื้นฟูผู้ป่วยทั่วไป เพราะออกแบบมาสำหรับผู้ศัลยกรรมพลาสติกโดยเฉพาะ ด้วยการเน้นเทคนิคผ่อนคลายร่างกายอย่างอ่อนโยน ผ่านการหายใจ และการทำสมาธิ

การฟื้นฟูร่างกาย ไม่ว่าจะเจ็บป่วยจากสิ่งใด ทั้งการผ่าตัดเพื่อรักษาโรคหรือผ่าตัดศัลยกรรมเพื่อความสวยงาม ย่อมต้องใช้หลายปัจจัยในการทำให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงได้เร็วขึ้น การออกกำลังก็เป็นหนึ่งในขั้นตอนเหล่านั้น และด้วยลักษณะเฉพาะของโยคะที่เน้นการยืดหยุ่นร่างกาย เคลื่อนไหวอย่างช้า ๆ จึงมักถูกนำมาเป็นตัวเลือกสำหรับบำบัดผู้ป่วยกลุ่มนี้ แต่การจะฝึกหัดท่าทางใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและครูโยคะก่อน เพื่อให้การออกกำลังกายหลังผ่าตัดเป็นไปอย่างปลอดภัยที่สุด

 

สร้างกาย ใจที่เข้มแข็งก่อนใคร ด้วยการเล่นโยคะตั้งแต่วัยเด็ก

เป็นที่น่าชื่นชมที่มีผู้ปกครองหลายคนส่งเสริมให้ลูกหลานของตนเริ่มฝึกฝนโยคะตั้งแต่เด็ก ไม่เพียงเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ทำให้ร่างกายยืดหยุ่น แต่ความมีวินัย มีสติ มีสมาธิและความอดทนที่ได้จากการฝึกฝนโยคะ จะสร้างประโยชน์มากมายให้กับวัยที่กำลังเริ่มต้นเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ ซึ่งสามารถเห็นผลได้ชัดจากความคิด ทัศนคติ การตัดสินใจ และการเรียนหนังสือ

เด็กเริ่มเล่นโยคะได้ตั้งแต่อายุเท่าไหร่

เด็กสามารถเล่นโยคะได้ตั้งแต่วัย 2 เดือน เนื่องจากวัยนี้มีกระดูกที่แข็งแรงพอจะฝึกท่าทางง่าย ๆ บางอย่างได้ แต่ต้องได้อยู่ในความดูแลของผู้เชี่ยวชาญด้านนี้โดยเฉพาะ แต่หากผู้ปกครองบางคนกังวลว่าวัยนี้ยังเล็กไปที่จะเริ่มต้น ก็สามารถส่งเสริมให้เด็กฝึกโยคะเมื่อเขาโตขึ้นกว่านี้ได้ เช่น เริ่มต้นในวัย 3 – 5 ปี โดยโยคะสามารถช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดใหญ่ ช่วยให้เด็กสามารถเคลื่อนไหวและพยุงตัวได้ดี รวมถึงยังมีส่วนช่วยในการจัดระเบียบท่าทางให้สามารถนั่งหลังตรง เดินตัวตรง ไม่หลังงอ ไม่ห่อไหล่ มีบุคลิกที่ดีได้ตั้งแต่วัยเด็กอีกด้วย

โยคะทำให้เด็กมีสมาธิในการเรียนหนังสือ

โยคะอาจไม่สามารถทำให้เด็ก ๆ เรียนหนังสือเก่งหรือเป็นอัจฉริยะ แต่สมาธิที่ได้จากการฝึกฝน จะช่วยทำให้เด็กมีความสนใจและจดจ่อกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้นานขึ้น จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมเด็กที่ฝึกโยคะจึงมีผลการเรียนที่ดี

ทัศนคติเชิงบวกที่สร้างได้ตั้งแต่วัยเด็ก

ผู้ใหญ่ที่เล่นโยคะหลายคนล้วนบอกว่าโยคะมีส่วนทำให้เราเป็นคนคิดบวก การคิดบวกสร้างคุณประโยชน์มากมายให้กับชีวิตมนุษย์ เพราะทำให้เราไม่โกรธ ปล่อยวางมากขึ้น ให้อภัยง่ายขึ้น ลดปัญหาความเครียด เศร้า มัวหมองในจิตใจ และลดปัญหาสังคมจากการทะเลาะเบาะแว้งต่าง ๆ ได้  นอกจากนี้ การคิดบวกยังช่วยดึงดูดสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิตได้ตามกลไกของพลังงานจากกฎแห่งแรงดึงดูดที่ว่า ความคิดบวกย่อมดึงดูดสิ่งที่ดี ความคิดลบย่อมดึงดูดสิ่งที่แย่ ๆ ซึ่งเมื่อมามองในมุมของเด็ก แม้วัยนี้จะยังไม่มีเรื่องราวให้วิตกกังวลหรือคิดถึงสิ่งต่าง ๆ ในแง่ลบมากมาย แต่การปูพื้นฐานให้เด็กมีทัศนคติเชิงบวกตั้งแต่เยาว์วัย จะช่วยลดความดื้อรั้น ความก้าวร้าว ความวิตกกังวลในวัยนี้ลงได้ รวมถึงสามารถช่วยปลอบประโลมความบอบบางทางจิตใจ เมื่อเด็กได้รับผลกระทบจากสถานการณ์บางอย่าง เพราะในหลาย ๆ ครั้ง ความสะเทือนใจในวัยเด็กสามารถสร้างปมด้อยให้คน ๆ หนึ่งเมื่อเขาโตเป็นผู้ใหญ่ได้

เพื่อส่งเสริมให้เด็กเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสามารถ มีหน้าที่การงานและคุณภาพชีวิตที่ดี ผู้ปกครองจึงส่งเสริมบุตรหลานเรื่องการเรียน การทำกิจกรรม การเพิ่มพูนทักษะความสามารถพิเศษ เช่น กีฬา ศิลปะ ดนตรี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ดีและมีประโยชน์ โยคะก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจในการนำมาใช้พัฒนาทักษะด้านต่าง ๆ ตั้งแต่วัยเด็กเช่นกัน เชื่อว่า หากได้รับการฝึกฝนและเด็กมีความชื่นชอบ โยคะจะเป็นอีกพื้นฐานหนึ่งที่ช่วยให้เด็กโตเป็นผู้ใหญ่ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถแก้ปัญหาต่าง ๆ รู้จักสร้างสมดุล และดำเนินชีวิตอย่างมีความสุขได้